Monday, September 12, 2011

อ่านละครทวิภพ ตอนที่ 17 วันที่ 13 กย.54


อ่านละครทวิภพ ตอนที่ 17
มณีจันทร์อยู่ว่างๆไม่มีอะไรทำ จึงเดินไปเล่นกับกลุ่มเด็กๆที่แอบเข้ามาเล่นในสวนบ้านหลวงอัครเทพ หัวหน้าพวกเด็กๆ ชื่อบัว เป็นลูกสาวของคุณพระอยู่ข้างบ้านนี่เอง และเป็นแม่ของคุณย่าของกุลวรางค์ที่มักจะเล่าเรื่องมณีจันทร์ให้คุณย่าฟังอย่างชื่นชม บัวสอนให้มณีจันทร์เล่นต้องเต ขณะมณีจันทร์ บัว และพวกเด็กๆกำลังเล่นกันสนุกสนาน หลวงอัครเทพโผล่เข้ามาขัดจังหวะ บัวเสียดายมากที่ไม่ได้เล่นกับมณีจันทร์ต่อ...

ระหว่างเดินกลับศาลากลางสวน หลวงอัครเทพถามโพล่งขึ้นว่า มณีจันทร์เห็นเขาเป็นอย่างไร มณีจันทร์แปลกใจทำไมอยู่ๆมาถามแบบนี้ หลวงอัครเทพกลุ้มใจเรื่องเจ้าคุณวิศาลคดีซึ่งดูห่วงใยมณีจันทร์เป็นพิเศษและไหนจะเรื่องกระจกข้ามภพนั่นอีก มณีจันทร์สงสัยหลวงอัครเทพมักจะได้ทุกอย่างที่ต้องการเสมอหรือ
“ไม่เสมอไป แต่ฉันรอได้”

“อย่างนั้น ถ้าสำเร็จงานทางนี้ ฉันจะกลับบ้าน”

หลวงอัครเทพไม่ยอม ที่บอกจะรอไม่ได้หมายความว่าจะให้กลับ มณีจันทร์ขอกลับไปบอกพ่อกับแม่ก่อน ไม่ใช่อยู่ดีๆ หายหน้าไปเฉยๆมันไม่งาม หลวงอัครเทพจะรู้ได้อย่างไรมณีจันทร์ไปแล้วไม่ไปลับ

“ฉันกล้าสาบาน”

“หล่อนสาบานไม่ได้ กระจกนั่นแตกมากขึ้นทุกที ไม่มีใครรู้มันจะแตกครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่” หลวงอัครเทพถอนใจ กลุ้มใจ มณีจันทร์เองก็รู้สึกไม่ต่างจากเขา...

ขณะที่มณีจันทร์กำลังเป็นกังวลเรื่องกระจกข้ามภพที่ร้าวมากขึ้นทุกที คุณหญิงมาลิดาซึ่งอยู่ในภพปัจจุบันกลุ้มใจไม่แพ้ลูกเช่นกัน เพราะหาคำอธิบายใดๆให้ท่านทูตณรงค์ซึ่งยังอยู่ในต่างประเทศฟังไม่ได้ว่าลูกสาวหายไปเฉยๆได้อย่างไร ท่านทูตณรงค์จะกลับมาช่วย คุณหญิงมาลิดาปฏิเสธว่ายังพอรับมือเองไหว เพียงแค่ขอเวลารวบรวมอะไรอีกหน่อย ท่านทูตณรงค์เชื่อมั่นในตัวคุณหญิงมาลิดาจะหาคำอธิบายเรื่องนี้จนได้...

คํ่าวันเดียวกัน คุณหญิงมาลิดานอนไม่หลับ เดินมาคุยกับหน้ากระจกข้ามภพสีหน้าเศร้าสร้อย

“เมณี่ลูกแม่ หาคำอธิบายดีๆให้แม่พูดกับพ่อหน่อยได้ไหม...ว่าไงหือ...เมณี่...”

เสียงร้องเรียกของคุณหญิงมาลิดาดังข้ามภพมาถึงมณีจันทร์ซึ่งกำลังนอนหลับ เธอผวาตื่นลุกพรวด ม้วนตกใจ ปราดเข้ามาถามว่าเป็นอะไรไป มณีจันทร์นอนไม่หลับ อยากกลับบ้าน ม้วนแนะให้ออกไปเอานํ้ารดตัวให้เย็นๆ แล้วเธอจะประแป้งให้จะได้สบายตัว มณีจันทร์เห็นดีด้วย ทั้งคู่พากันออกจากห้องเดินผ่านโถงกลางเรือน เจอหลวงอัครเทพออกมานั่งรับลม นอนไม่หลับเช่นกัน มณีจันทร์ถือโอกาสขอแลกห้องคืน

“ไม่ได้ บ่าวจะได้ลือ”

“งั้นให้ฉันกลับ พรุ่งนี้ฉันจะกลับบ้าน แล้วจะมาอีกอย่างที่เคยมา ฉันไม่ไปเลยหรอกค่ะ”

“หล่อนจะ...ทิ้งฉันอย่างนั้นหรือ” หลวงอัครเทพเสียงอ่อย มณีจันทร์รีบเดินเข้ามาหา สัญญาไปแล้วจะรีบกลับ ขอไปหาแม่ คิดถึงท่านเหลือเกิน หลวงอัครเทพพยายามหาวิธีจูงใจไม่ให้มณีจันทร์กลับ

“หล่อนจะกลับไปทำไม เอกสารที่หล่อนแปลไว้รวบ รวมข้อสงสัยได้หลายประการ คงจะทำให้เราพิจารณาตีความสัญญาได้ ไหนจะที่หล่อนช่วยเรื่องปิแอร์ เรื่อง มร.จอห์น เราคงทำให้ฝรั่งเศสสะดุ้งไปเหมือนกัน แต่ยังมีเรื่องต้องทำหลายอย่าง เจ้าคุณท่านดำริจะเลี้ยงทูต ท่านอยากให้หล่อนไปฟัง”

มณีจันทร์หูผึ่ง สอบถามอย่างตื่นเต้นว่าอีกหลายวันไหมกว่าจะถึงงานเลี้ยง พอรู้ว่าอีกแค่สองสามวัน เธอตัดสินใจอยู่ต่อ รอให้งานเลี้ยงผ่านไปก่อนแล้วค่อยกลับบ้านก็ได้ หลวงอัครเทพโล่งใจที่สามารถดึงหญิงสาวที่เขารักสุดหัวใจเอาไว้ได้ มณีจันทร์บ่นพึมพำกับตัวเอง

“งานเลี้ยง...อืม ท่านเจ้าคุณต้องมีแผนแน่ คนอย่างท่านเจ้าคุณไม่เลี้ยงฝรั่งฟรีๆหรอก”

ooooooo
    

ใกล้ถึงวันงานเลี้ยงทูตเข้ามาทุกขณะ เจ้าคุณวิศาลคดีมาขอร้องคุณหญิงแสร์ให้ช่วยเป็นแม่งานจัดการเรื่องข้าวปลาอาหารให้คนที่เรือนของท่านฝีมือทำกับข้าวพอจะรับแขกได้ แต่นี่เป็นแขกระดับทูต

ขรตรีเศียร ท่านเลยอยากได้คนมีฝีมือระดับชาววังจะได้มีหน้ามีตาเป็นสง่าราศี คุณหญิงแสร์ยินดีเป็นอย่างยิ่งจะได้อวดให้พวกฝรั่งได้เห็น เราก็มีวัฒนธรรมไม่ได้เป็นบ้านป่าเมืองเถื่อนอย่างที่พวกนั้นคิด

“อ้อ...ยังมีอีกเรื่อง...เรื่องแม่มณี...อยากขอ...” เจ้าคุณวิศาลคดีแกล้งหยุดพูดดื้อๆ

คุณหญิงแสร์กับหลวงอัครเทพพากันลุ้นระทึก แต่พอรู้ว่าท่านเจ้าคุณจะขอให้มณีจันทร์ไปร่วมงานด้วย สองแม่ลูกถึงกับถอนใจโล่งอก เจ้าคุณวิศาลคดียิ้มอย่างรู้ทัน ถามว่าถอนใจเรื่องอะไร คุณหญิงแสร์กลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร เวลานี้ชาติบ้านเมืองไม่ปกติ หากมณีจันทร์ช่วยได้ก็ยินดี

“งานนี้ผู้คนคงตกตะลึง ไม่มีกุลสตรีคนไหนมาออกงานที่มีคนมากมายอย่างนี้ ฉันจะใช้ความตกตะลึงนี้ให้เป็นประโยชน์ ฉันต้องขอบใจแม่แสร์ที่เข้าใจ” เจ้าคุณวิศาลคดีว่าแล้ว ขอตัวกลับ...

ทางฝ่ายมณีจันทร์ช่วงนี้ไม่มีงานเอกสารให้ทำ อยู่ว่างๆแล้วคิดถึงบ้านคิดถึงแม่ เห็นอิ่มกับม้วนกำลังทำขนมทองหยิบ กุลีกุจอเข้าไปช่วย ม้วนแปลกใจเจ้านายสาวนึกอย่างไรถึงลุกมาเข้าครัว มณีจันทร์บอกเสียงอ่อย ต้องอยู่ช่วยงานเจ้าคุณวิศาลคดีทั้งที่ใจเป็นห่วงทางบ้าน เลยต้องหาอะไรทำจะได้ไม่ฟุ้งซ่าน

สุดท้ายแล้วมณีจันทร์ก็อดใจไม่ได้ แอบหนีม้วนไปหากระจกข้ามภพ แต่พอถึงหน้าห้องนอนเก่าของหลวงอัครเทพกลับพบประตูถูกลั่นดานเอาไว้ จังหวะนั้นมีเสียงหลวงอัครเทพร้องทักดังขึ้นทางด้านหลัง

“ฉันลืมบอกหล่อนเรื่องนี้”

มณีจันทร์หันมาเจอหลวงอัครเทพยืนอมยิ้ม นึกอยากจะตะกุยหน้าเขาให้รู้แล้วรู้รอด หลวงอัครเทพรู้ว่าหญิงสาวเคือง รีบบอกคุณหญิงแสร์อนุญาตให้มณีจันทร์ไปงานเลี้ยงทูตได้ ไม่ได้ให้ไปนั่งฟังหลังฉากอย่างที่คิดกัน แต่ยอมให้เธอเป็นล่าม เป็นแขกคนหนึ่งของงาน มณีจันทร์แดกดัน เชื่อแล้วว่าเขาเป็นนักการทูตตัวจริง เพราะทั้งเจ้าเล่ห์ ทั้งหลอกทั้งลวง ครบเครื่อง แล้วตกลงเมื่อไหร่เธอถึงจะได้เข้าไปในห้องนี้อีก

“เอาไว้เข้าพร้อมกัน” หลวงอัครเทพยิ้มมีเลศนัย ก่อนผละจากไป

“เอ๊ะ...เข้าพร้อมกันแปลว่าอะไร...นี่มันห้องนอนนี่นา... บ้าจริง” มณีจันทร์ถึงกับเขินอายไปไม่เป็น...
    

สายวันเดียวกัน คุณหญิงแสร์ชวนมณีจันทร์เข้าไปเลือกเครื่องประดับเอาไว้ใส่ออกงาน มณีจันทร์เกรงใจ ทำท่าจะไม่เลือก คุณหญิงแสร์ไม่ยอม ขืนออกงานตัวล่อนจ้อนเสียชื่อหลานคุณหญิงแสร์หมด แล้วหยิบกำไลข้อเท้า กำไลต้นแขน และกำไลข้อมือส่งให้ม้วนเอาสวมให้มณีจันทร์

“นี่ต้องใส่หมดหรือเจ้าคะ” มณีจันทร์มองเครื่องประดับทองชิ้นใหญ่ๆตรงหน้า อย่างเหนื่อยใจ

“ก็เราต้องออกงานทูตขรตรีเศียร มันต้องแต่งเต็มยศ เลือกเครื่องแต่งตัวเสียก่อน เดี๋ยวจะได้ดูผ้าผ่อนแพรพรรณ” คุณหญิงแสร์ดูเครื่องประดับไปพลางยิ้มไปพลางมีความสุข

ครู่ต่อมา มณีจันทร์เดินเก้ๆกังๆออกจากห้องคุณหญิงแสร์ เพราะมีกำไลข้อเท้าถ่วงอยู่ เจอหลวงอัครเทพนั่งอ่านหนังสืออยู่แถวนั้น เห็นมณีจันทร์ใส่ทองเต็มตัว มองยิ้มๆแถมล้อเลียนเป็นการใหญ่ เลยโดนคุณหญิงแสร์เอ็ดเสียงดังออกมาจากในห้อง ไม่ให้ล้อมณีจันทร์ หลวงอัครเทพถึงกับหุบยิ้ม...

ทางด้านมณีจันทร์กลับถึงห้องตัวเอง สั่งม้วนให้ถอดกำไลออกให้หมด เคืองที่ถูกหลวงอัครเทพล้อ

“อย่าเลยเจ้าค่ะใส่ไว้ดีแล้ว ใครๆจะได้รู้ว่ายังไม่มีเรือน ยิ่งออกแขก บ่าวไพร่ผู้คนครึ่ดไป” ม้วนติง

“ที่แท้คุณแม่ต้องการรักษาเกียรติของฉันต่อหน้าแขกเหรื่อ กว่าจะชินกับนุ่งโจง เข่าก็เป็นรอยหมด... นี่ต้องมาชินกับกำไลลิเกนี่อีก...เอ้าๆ ใส่ซะให้เต็มยศ” มณีจันทร์บ่นอุบ

“ท่านรักคุณมณี เครื่องแต่งตัวชุดนั้น ท่านแต่งตอนตามท่านใหญ่เข้าไปถือน้ำสาบานที่วัดพระแก้วครั้งสุดท้าย อีกหน่อยคุณมณีก็คงต้องเข้าไป”

“ทำไมต้องเข้าไปล่ะ”

“กระเง้ากระงอดกันทุกวันแบบนี้ อีกหน่อยพอแต่งงานคงมีลูกหัวปีท้ายปี คงได้ตามท่านเข้าวังไงเจ้าคะ” ม้วนว่าแล้วหัวเราะคิกคัก มณีจันทร์เท้าเอวชี้หน้าม้วนแก้เขิน ม้วนยิ่งหัวเราะขำยกใหญ่

ooooooo

ในเวลาเดียวกัน คุณหญิงสรเดชเชิญหลวงเจนพาณิชย์มาพบ เพื่อแจ้งให้ทราบว่า ท่านกับท่านเจ้าคุณพ่อของประยงค์ตัดสินใจไม่ยกประยงค์ให้ และประยงค์เองก็ยืนกรานกับท่านจะยอมตายดีกว่าออก เรือนไปกับเขา หลวงเจนพาณิชย์โมโหมาก ขอคุยกับ ประยงค์ให้รู้เรื่อง เดินดุ่มๆ ตามหาอย่างไม่เกรงใจใคร เจอเธอยืนหลบมุมแอบฟังเขาคุยกับคุณหญิงสรเดชอยู่ ประยงค์ตกใจจะเดินหนี แต่หลวงเจนพาณิชย์คว้ามือไว้

“นี่มาพูดกันให้รู้เรื่อง พี่มีอะไรสู้ไอ้เทพไม่ได้ คิดจะปฏิเสธพี่ คิดดีแล้วหรือ”

คุณหญิงสรเดชตามมาทันโวยวายลั่น “พ่อจุ้ยหยุดนะ...มาจับมือถือแขนน้องแบบนี้ใช้ไม่ได้นะ”

หลวงเจนพาณิชย์ระงับอารมณ์ไม่อยู่ พูดจาหยาบคายดูหมิ่นประยงค์ คุณหญิงสรเดชทนคนไร้คุณธรรมอย่างเขาไม่ไหว ขู่ถ้าไม่ปล่อยมือประยงค์จะเอาเรื่องถึงหลุดจากตำแหน่ง หลวงเจนพาณิชย์เห็นคุณหญิงสรเดชท่าทางเอาจริง ยอมปล่อยมือ ประยงค์ร้องไห้โผกอดแม่แน่น

“เชอะ...ไม่แต่งก็ไม่แต่ง มีผู้หญิงอยากออกเรือนกับหลวงเจนพาณิชย์เยอะแยะไป หล่อนคิดผิดเสียแล้วล่ะแม่ประยงค์ เชิญเป็นสาวเทื้อต่อไปเถอะ” หลวงเจนพาณิชย์แดกดันก่อนจะกลับไปอย่างหัวเสีย คุณหญิงสรเดชไม่เคยคิดว่าหลวงเจนพาณิชย์จะเป็นคนเช่นนี้ โชคดีที่ไม่หลงผิดยกลูกสาวให้...

มณีจันทร์ขะมักเขม้นอ่านหนังสือเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงทูต แต่ยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไร หลวงอัครเทพแนะ ในเมื่อเราไม่รู้อนาคต สิ่งเดียวที่ทำได้คือทำปัจจุบันให้ดีที่สุด...

อ่านละครทวิภพ ตอนที่ 17 วันที่ 14 กย.54
โดย บทประพันธ์ ทมยันตี
จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
ที่มาไทยรัฐ

No comments:

Post a Comment

My Blog List