“หวายที่ห้อยลูกนิมิต ลูกเอก พอเขาตัดลงหลุม ก็เหลือหวายไว้ตัดแจก หวายนี่กันผีได้ เดี๋ยวจะส่งไปให้ช่างทองเขาถักทองร้อยรัดไว้ แม่มณีจะได้ห้อยคอ”
มณีจันทร์ก้มกราบขอบพระคุณคุณหญิงแสร์ที่เมตตาเป็นห่วงเป็นใยตนเองเสมอมา จากนั้น คุณหญิงแสร์ชวนมณีจันทร์มากินข้าวด้วยกันที่โถงกลางเรือน มณีจันทร์เห็นกับข้าวเยอะแยะมากมาย มีทั้งกุ้งฝอยเชื่อมน้ำตาล ไข่แมงดาเชื่อมน้ำตาลเนื้อเค็มฉีกฝอยผัดกับน้ำตาล และสุดท้ายปลาเค็มหั่นลูกเต๋าชุบไข่ทอดกินกับข้าวต้มร้อนๆ ล้วนเป็นอาหารสำหรับคนเพิ่งหายไข้ มณีจันทร์มองคุณหญิงแสร์ซาบซึ้งใจมาก
“ขนมามากมายขนาดนี้ กลัวมณีจะกินไม่ลงหรือเจ้าคะ... มณีจะพยายามกินให้เยอะๆจะได้หายเร็วๆ”
อิ่มนั่งกลุ้มใจมาตั้งแต่เช้า ยิ่งเห็นมณีจันทร์หายดียิ่งเป็นห่วงประยงค์ ถอนหายใจเสียงดัง คุณหญิงแสร์กับมณีจันทร์ถึงกับหันขวับมามอง ม้วนไม่พอใจออกปากไล่อิ่ม ถ้าไม่เต็มใจดูแลมณีจันทร์ก็ไปให้พ้นๆหน้า...
ขณะม้วนยกสำรับมาเก็บในเรือนครัว ยังคาใจที่อิ่มแสดงอาการไม่สมควรเมื่อครู่ หันไปเล่นงานอิ่มทันที
“นังอิ่ม...เอ็งจะเอายังไงกับนายข้า”
“เอ๊ะอีนี่...ข้าก็แค่มีเรื่องกลุ้มใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักหน่อย งานการอะไรข้าก็ทำให้นายเอ็งหมดแล้ว อย่ามาหาเรื่องนะ” อิ่มหงุดหงิด
“กลุ้มใจเรื่องอะไร”
“เมื่อเช้าเจอนังยาวที่ตลาด มันว่าคุณประยงค์ไม่ยอมกินข้าวกินปลา เอ็งก็รู้เมื่อเล็กๆข้าอยู่กับคุณหญิงสรเดช ข้าก็ดูแลคุณประยงค์ท่านมาเหมือนกัน มีเรื่องแบบนี้ข้าก็ห่วงของข้า”
มณีจันทร์แอบฟังอยู่นาน โผล่พรวดออกมาถามอิ่ม “คุณประยงค์ไม่ยอมกินข้าวกินปลา ทำไมล่ะ”
ม้วนตกใจที่เห็นมณีจันทร์ ร้องเตือนเพิ่งหายไข้แท้ๆลงมาทำไม มณีจันทร์ไม่สนใจตัวเองอยากรู้เรื่องประยงค์ ในเมื่ออิ่มให้รายละเอียดเรื่องนี้ไม่ได้ เธอตัดสินใจจะไปหาประยงค์ด้วยตัวเอง
“โอ้ย...จะไปได้ยังไงเจ้าคะ” ม้วนติง
“ก็ให้อิ่มพาไปสิ...ไปอิ่ม พายเรือเป็นใช่ไหม” มณีจันทร์ว่าแล้วก้าวฉับๆจะไปที่ท่าน้ำ ม้วนรีบทักท้วง
“คุณหญิงสรเดชท่านเกลียดหน้าคุณมณีจะตาย ท่านจะให้คุณมณีไปพบคุณประยงค์ได้ยังไงเจ้าคะ”
อิ่มนึกขึ้นได้ วันนี้ขึ้น 1 ค่ำ คุณหญิงสรเดชอาจจะไปเข้าวัง มณีจันทร์สบช่องจะใช้โอกาสนี้แอบไปพบประยงค์ ถ้าอิ่มไม่อยากให้ประยงค์เป็นอะไรไป ต้องพาเธอไปเดี๋ยวนี้
“โอ๊ย...เพิ่งหายไข้นะเจ้าคะ อย่าเพิ่งวิ่งอย่าเพิ่งโดนแดดนะเจ้าคะ”
มณีจันทร์ไม่สนใจคำเตือนของม้วน รีบลงเรือพาย สีหน้ามุ่งมั่นจะไปหาประยงค์ให้ได้
ooooooo
ไม่นานนัก มณีจันทร์ ม้วนกับอิ่มมาถึงเรือนคุณหญิงสรเดช มณีจันทร์สั่งให้สองบ่าวดูต้นทางไว้ ส่วนเธอจะไปหาประยงค์ตามทิศทางที่อิ่มบอก แล้วค่อยๆ ย่องขึ้นเรือนใหญ่อย่างระแวดระวัง ก่อนจะนึกขึ้นได้
“ฮึ...คุณหญิงสรเดชไม่อยู่สักหน่อย ไม่เห็นต้องกลัวอะไร”
มณีจันทร์เดินอย่างสง่าผ่าเผย แต่พอพ้นหลืบต้องสะดุ้งเฮือกเจอคุณหญิงสรเดชกำลังเดินดูต้นไม้ มณีจันทร์พุ่งกลับเข้าหลืบแทบไม่ทัน คุณหญิงสรเดชหันขวับมอง แต่ไม่เห็นใคร หันไปเดินดูต้นไม้ต่อ
“ไม่เข้าถ้ำเสือแล้วจะได้ลูกเสือได้ยังไง ตายเป็นตาย” มณีจันทร์ว่าแล้ว ค่อยย่องตามหลังคุณหญิงสรเดชไปเรื่อยๆโดยที่ท่านไม่เห็น จังหวะที่คุณหญิงสรเดชลงเรือนไป มณีจันทร์ก็ถึงห้องประยงค์พอดี รีบผลุบเข้าไปเจอประยงค์นอนร้องไห้กระซิกๆ สองสาวต่างโผกอดกันด้วยความคิดถึง คราวนี้ประยงค์ถึงกับปล่อยโฮ มณีจันทร์ทักท้วงว่าทำแบบนี้ไม่ดีเลย ทำไมไม่รู้จักรักตัวเองบ้าง เสียใจเรื่องหลวงอัครเทพขนาดนี้เลยหรือ
“เรื่องคุณหลวงเทพน่ะไม่กระไร แต่เรื่องหลวงเจน น้อง ไม่อยากออกเรือนไปกับหลวงเจน ถ้าต้องออกเรือนไปกับท่าน น้องคงตายเสียก่อน”
“แล้วทำไมไม่บอกพ่อกับแม่ล่ะคะ”
“เราพูดได้ด้วยหรือเจ้าคะ น้องกลัวคุณพ่อคุณแม่จะว่าเอา”
“ผู้หญิงน่ะชีวิตแต่งงานเป็นเรื่องสำคัญ ไม่เช่นนั้นก็ต้องตายทั้งเป็น คุณประยงค์ยอมหรือคะ”
ประยงค์พยายามทำใจมาหลายวันแล้ว แต่ทำไม่ได้ไม่อยากพบหน้าผู้คน ไม่อยากแม้จะมีชีวิตอยู่ มณีจันทร์ปลอบใจว่า ผู้หญิงในยุคหน้าจะเลือกผู้ชายด้วยตัวเอง และถ้าชีวิตคู่ไปไม่รอดหล่อนมีสิทธิ์หย่า ประยงค์ตื่นเต้นที่ได้ยิน แต่ยังสงสัยถ้าเป็นเช่นนั้นแล้วไม่มีใครว่าอะไรหรือ
“มีสิคะ แต่ชีวิตของเรา สุขทุกข์อยู่ที่เราจะไปสนใจขี้ปากคนทำไมกัน ถ้าสามีไม่ยอม เราก็มีสิทธิ์ฟ้องให้กฎหมายคุ้มครองเราด้วยนะคะ”
“ผู้หญิงพวกนั้นคงเข้มแข็งมาก น้องอยากเข้มแข็งอย่างนั้นบ้าง”
มณีจันทร์ยุให้ประยงค์ลุกขึ้นสู้เพื่อตัวเอง อย่าอดอาหารอยู่อย่างนี้ ต้องลุกขึ้นสู้และพูดในสิ่งที่ตัวเองคิด ถ้าเห็นแล้วว่าสิ่งนั้นไม่ได้ทำให้ใครเดือดร้อน ก็ให้พูดออกไปเลย ประยงค์พยักหน้าเข้าใจ โผกอดมณีจันทร์อีก
“คุณพี่...มีแต่คุณพี่ที่เข้าใจน้อง ขอบคุณเหลือเกินนะเจ้าคะที่มาหาน้องในยามนี้”
“หากมั่นใจแล้วว่าทำในสิ่งที่ถูกต้อง พ่อแม่อาจโกรธตอนนี้ แต่จะเข้าใจในวันหนึ่งค่ะ” มณีจันทร์ย้ำ...
ข้างฝ่ายคุณหญิงสรเดชเดินดูต้นไม้เรื่อยเปื่อยมาใกล้ที่ที่อิ่มกับม้วนอยู่ ดีที่ม้วนตาไว ทั้งคู่จึงหลบได้อย่างเฉียดฉิว แต่เกิดทำเสียงดังขึ้นมา คุณหญิงสรเดชสงสัยเดินเข้ามาใกล้จุดที่สองสาวซ่อนตัวอยู่ จังหวะนั้น บ่าวคนหนึ่งของคุณหญิงสรเดชเข้ามารายงานว่ามีคนมาขอพบรออยู่ที่หอนั่ง ม้วนกับอิ่มถอนใจ โล่งอก...
ครู่ต่อมา คุณหญิงสรเดชมาถึงหอนั่ง พบหลวงเจนพาณิชย์นั่งรออยู่ เขามาแจ้งให้ทางนี้ทราบว่าพ่อของเขาติดราชการยังไม่กลับ ที่หายหน้าไปไม่ใช่เพราะเมินเฉย หวังว่าทางคุณหญิงสรเดชคงจะเข้าใจ
“เข้าใจแล้วค่ะ ทางน้าเองก็ติดขัด” คุณหญิงสรเดชติดขัดที่ประยงค์ไม่ยอมกินไม่ยอมนอน แต่นึกขึ้นได้ไม่ควรพูดอะไร พอหลวงเจนพาณิชย์ถามติดขัดเรื่องอะไร คุณหญิงสรเดชรีบกลบเกลื่อนว่าไม่มีอะไร
“น้องประยงค์...เอ่อ...ไม่อยู่หรือขอรับ” หลวงเจนพาณิชย์ชะเง้อคอมองหาประยงค์
“จะพบกันคงไม่เหมาะนะ หลวงเจนต้องระมัดระวังเรื่องนี้หน่อย จะมาทำหัวสมัยกับเรื่องพรรค์นี้ไม่ได้”
หลวงเจนพาณิชย์รับปากคุณหญิงสรเดช เขาจะอดใจรอพบหน้าประยงค์ตอนแต่งงาน
ooooooo
ก่อนจะกลับขึ้นเรือนใหญ่ ม้วนอุตส่าห์คว้าตะกร้าใส่ดอกไม้ที่พวกบ่าววางทิ้งไว้ในสวนบ้านหลวงอัครเทพยัดใส่มือมณีจันทร์ นัดแนะเสียดิบดี ถ้าเกิดมีใครถามอะไรก็ให้บอกว่าไปเก็บดอกไม้ แต่พอมณีจันทร์ถูกคุณหญิงแสร์ถามว่าหายไปไหนมา กลับตอบหน้าตาเฉยว่าแอบไปพบประยงค์มา
ม้วนกับอิ่มตกใจหน้าซีด เกรงจะโดนหวาย คุณหญิงแสร์ไม่ได้เล่นงานบ่าวทั้งสอง เพราะมัวแต่สนใจเรื่องประยงค์ พอรู้ว่ามณีจันทร์แนะให้ประยงค์คุยกับพ่อและแม่ของเธอเรื่องไม่อยากออกเรือนไปกับหลวงเจนพาณิชย์ คุณหญิงแสร์ตกใจร้องเสียงหลง ถ้าประยงค์ทำอย่างนั้นจริงก็เท่ากับอกตัญญูพ่อแม่
คราวนี้มณีจันทร์เป็นฝ่ายตกใจบ้าง ไม่คาดคิดจะกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ถ้าคุณหญิงแสร์ได้เห็นเด็กในยุคของเธอ เถียงพ่อแม่ฉอดๆคงจะเป็นลมวันละหลายร้อยรอบ คุณหญิงแสร์เล่าว่าท่านได้พบหน้าพ่อของหลวงอัครเทพในวันแต่งงาน พ่อแม่ของท่านเป็นคนเลือกคู่ให้ มณีจันทร์งง คุณหญิงแสร์กับพ่อของหลวงอัครเทพแต่งงานกันได้อย่างไรทั้งที่หน้าตาไม่เคยเห็น ไม่เคยแม้แต่พูดคุยกัน
“แล้วความรักล่ะเจ้าคะ”
“อยู่ๆไปก็รักกันเอง”
มณีจันทร์ไม่เห็นด้วยกับการแต่งงานแบบคลุมถุงชน เหมือนเป็นการละเมิดสิทธิส่วนบุคคล คุณหญิงแสร์อธิบายว่า การแต่งงานโดยพ่อแม่เลือกให้ไม่ใช่เรื่องไม่มีเหตุผล การเลือกคู่ให้ลูกเป็นหน้าที่ของพ่อแม่ พวกท่านต้องพิจารณาแล้วว่าเทือกเถาเหล่ากอของอีกฝ่ายต้องดีไม่มีประวัติด่างพร้อย
“เรื่องหน้าตานั้น ต่อให้หล่อสวยงามเป็นเทพบุตรเทพธิดา วันหนึ่งมันก็ต้องเบื่อ ต้องแก่ ถูกต้องไหม”
“แล้วนิสัยใจคอล่ะเจ้าคะ ถ้าเกิดเข้ากันไม่ได้”
“คนในรุ่นฉัน เชื่อในสิ่งที่พ่อแม่เลือก เพราะถือเป็นหน้าที่ ปรับตัวไม่ได้ถ้าพยายามต่อไปก็ปรับตัวจนได้ ในเมื่อไม่ละความพยายาม สุดท้ายย่อมต้องเข้าใจกัน อยู่ด้วยกันจนได้”
“เพราะตั้งใจว่าจะอยู่ให้ได้ ไม่ยอมหย่า สุดท้ายคู่ที่พ่อแม่เลือกให้ก็เลยอยู่กันยืด”
“อยู่กันยืดเสียยิ่งกว่าพวกที่หนีตามกันไป โดยถือเอาอารมณ์ปรารถนาเป็นเรื่องใหญ่ ในเมื่อหนีตามกันไปง่ายๆ เวลาเลิกราก็เลิกง่ายๆเพราะถือแต่อารมณ์ของตัว” คุณหญิงแสร์อธิบายจนมณีจันทร์เริ่มเข้าใจ
“การแต่งงานจึงต้องเริ่มจากตั้งใจว่าจะอยู่ด้วยกัน แม้มีอุปสรรคแค่ไหนก็จะฝ่าฟันไปให้ได้”
“ตั้งใจจะแทนคุณพ่อแม่ เชื่อฟังพ่อแม่ ตั้งใจว่าจะมีผัวเดียวจะให้อภัยผัว ดูแลผัวจนกว่าชีวิตจะหาไม่ ฉันไม่รู้หรอกว่าวิธีนี้ผิดหรือถูก แต่เราคิดของเราอย่างนี้”
“ถ้าอย่างนั้น ที่มณีแนะนำคุณประยงค์แล้วถ้าเกิดคุณประยงค์เชื่อ...จะทำยังไงดีล่ะเจ้าคะ” มณีจันทร์อดหวั่นใจไม่ได้
ooooooo
อ่านละครทวิภพ ตอนที่ 16 วันที่ 12 กย.54
โดย บทประพันธ์ ทมยันตี
จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
ที่มาไทยรัฐ
No comments:
Post a Comment