Sunday, September 11, 2011

อ่านละครทวิภพ ตอนที่ 16 วันที่ 10 กย.54


อ่านละครทวิภพ ตอนที่ 16
นุ่มรีบออกไปทำตามคำสั่ง ขณะที่คุณหญิงมาลิดาเหลียวมองไปทางกระจกเงาโบราณบานนั้น

“กระจกนั่น มันเป็นความจริงหรือเพราะพิษไข้... เฮ่อ” คุณหญิงมาลิดาไม่แน่ใจกับสิ่งที่ตัวเองเห็นเมื่อวาน...

หลังจากคุณหญิงมาลิดาได้รับการตรวจรักษาจากหมอธรรมนูญเสร็จแล้ว เธอตัดสินใจสั่งให้นุ่มโทร.ตามกุลวรางค์มาพบทันที...
ไม่นานนัก ไรวัต ตรองกับกุลวรางค์มาถึงบ้านมณีจันทร์คุณหญิงมาลิดาชวนเพื่อนของลูกสาวทั้งสามคนขึ้นไปที่ห้องนอนของมณีจันทร์ แล้วเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้ฟัง

“ที่พูดนี่ไม่ใช่เพราะไข้ขึ้น น้าเห็นเมณี่ในกระจกเมื่อวาน”

“เฮ่อ...อีกคนแล้วหรือ อะไรกันเนี่ย” ไรวัตว่าพลางถอนใจเหนื่อยใจ เพราะไม่เชื่อเรื่องพวกนี้

“อีกคนหมายความว่า มีคนเห็นแบบน้าหรือ”

“กุลเองค่ะ ครั้งแรกเห็นใน...เอ่อ...ไม่รู้จะเรียกอะไร... ในสมองมั้งคะ ครั้งที่สองก็ในกระจกนี่”

“ผมกับกุลไม่อยากเล่า ไม่อยากบอกเพราะเห็นคุณน้ากำลังเหนื่อย รับข้อมูลมากๆจะสับสนได้”

คุณหญิงมาลิดาฟังตรองพูดจบ สูดหายใจเข้าเต็มปอด พร้อมรับฟังข้อมูลแปลกประหลาด แล้วบอกให้ทั้งสามคนช่วยเล่าทุกอย่างให้เธอฟัง เอาตั้งแต่เริ่มต้นวันแรกๆที่มณีจันทร์ หายตัวไป กุลวรางค์เริ่มเล่าคนแรก

“พวกเราทั้งหมด ทั้งป้านุ่มและดาว ต่างคิดเหมือนกันว่าเวลาเมณี่หายไป เธอเหมือนหายตัวไปได้เพราะไม่มีหลักฐานการเดินทางอะไรทั้งนั้น”

“สำหรับกระจกนี่ ผมกับกุลเคยมาเฝ้าอยู่สามวันสามคืน พยายามแล้วที่จะรื้อจะค้น ทำทุกวิถีทางก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา” ตรองเล่าเสริม กุลวรางค์ยื่นรูปถ่ายที่ได้มาจากคุณย่าของเธอให้คุณหญิงมาลิดาดู

“นี่เป็นรูปเก่าของครอบครัวกุล ในรูปคือคุณมณี ภริยาเจ้าคุณอัครเทพวรากร”

ไรวัตงงมาก เพราะมองผู้หญิงในรูปถ่ายที่กุลวรางค์ เอามาอย่างไรก็มณีจันทร์ชัดๆ ตรองหยิบรูปถ่ายที่วางอยู่ในข้างอ่างล้างหน้าโบราณมาให้คุณหญิงมาลิดาดู บอกว่านี่คือรูปของเจ้าคุณอัครเทพที่มณีจันทร์ขอมาจากกุลวรางค์ ผู้ชายคนนี้คือคนที่มณีจันทร์ฝันถึงบ่อยๆ

“ในกระจก น้าเห็นคนหน้าตาคล้ายๆอย่างนี้อยู่กับเมณี่...กระจกบานนี้น่ะหรือที่เมณี่ใช้เดินทางไป กระจกบานนี้เองหรือ”

“คุณน้าเชื่อเหมือนที่หนูกับตรองเชื่อใช่ไหมคะ” กุล–วรางค์ถามอย่างตื่นเต้น

“ถ้ากระจกบานนี้พาเมณี่ไป เขาก็ต้องพาเมณี่กลับมา เมณี่ต้องรู้สิว่าน้ารออยู่ เมณี่ต้องรู้และต้องกลับมา เมณี่จะกลับมาหาน้า น้าเชื่ออย่างนั้น” คุณหญิงมาลิดามองกระจกข้ามภพน้ำตาคลอเบ้า

ooooooo

มณีจันทร์ยังคงหลับด้วยพิษไข้ แม้จะกินยาฝรั่ง ที่ได้จากหลวงเวชแล้ว หลวงอัครเทพยังคงเฝ้าดูแลอยู่ไม่ห่างเธอ คุณหญิงแสร์ทนนิ่งเฉยไม่ได้ เรียกพวกบ่าวในเรือนมาช่วยกันคิดหาหนทางช่วยมณีจันทร์ ม้วนกลับเอาแต่ร้องไห้สะอึกสะอื้นตลอดเวลา ขาบถามอาการล่าสุดของมณีจันทร์จากม้วน ได้ความว่า

“ละเมอเป็นพักๆเพราะพิษไข้น่ะ ฮือๆ...ผีกระจกมันคงโกรธที่คุณหลวงไม่ให้คุณมณีไป ถ้าคุณมณีป่วยนานๆเข้า ข้ากลัวว่า คุณมณีจะ...จะ...” ม้วนพูดไม่ทันจบก็ปล่อยโฮ คุณหญิงแสร์รำคาญ ดุเสียงเขียว

“ไฮ้...นังม้วนปากเสีย ข้าล่ะเบื่อเอ็งนักเชียว นั่งร้องไห้ทั้งวี่ทั้งวันถามจริงๆ มันจะได้อะไรขึ้นมาหา”

ขาบแนะคุณหญิงแสร์ให้ทำพิธีไล่ผี โขมเห็นดีด้วย ตอนที่คุณหลวงพาคุณมณีออกไปเที่ยวข้างนอกวันก่อน จอดเรือใต้ต้นไม้ใหญ่ผีอาจจะเข้าสิงคุณมณีก็ได้ อิ่มสงสัยขาบจะใช้วิธีอะไรไล่ผี

“เดี๋ยวไปปรึกษากันก่อน ยังไงข้าไม่ยอมให้คุณท่านเป็นอะไรไปหรอก ขออนุญาตนะขอรับคุณหญิง” ขาบว่าแล้วเดินนำโขม อิ่มกับพวกบ่าวในเรือนทั้งหมดลงไปปรึกษาหารือกันที่เรือนทาส คุณหญิงแสร์มองตามหวั่นๆไม่รู้จะได้เรื่องหรือเปล่า...

ผ่านไปพักใหญ่ ขาบเชิญคุณหญิงแสร์กับหลวงอัครเทพมาเป็นประธานในพิธีปราบผี คุณหญิงแสร์ขู่ ถ้าไม่ได้เรื่องได้ราวมีหวังหลังลายกันหมดแน่ ขาบเสนอวิธีปราบผีของตัวเองเป็นคนแรก

“นี่ขอรับ หวายลงอาคม เขาว่าชะงัดนักแล ผีกลัวที่สุด”

“ใครแตะต้องแม่มณี ข้าจะเฆี่ยนมันให้หลังขาด” หลวงอัครเทพตวาดลั่น

ขาบสะดุ้งโหยงเก็บหวายแทบไม่ทัน บ่าวชายทยอยกันเสนอวิธีปราบผีในแบบของตัวให้คุณหญิงแสร์กับหลวงอัครเทพดู แต่ดูไปดูมาเหมือนเล่นปาหี่ ไม่น่าเชื่อถือสักราย คุณหญิงแสร์รำคาญ สั่งให้พวกที่เสนอวิธีปราบผีทั้งหลายตบหัวตัวเองคนละหนึ่งที อยู่ๆม้วนปล่อยโฮออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่

“เอ้านังม้วน แล้วเอ็งจะร้องไห้ทำไมอีก” คุณหญิงแสร์เอ็ดตะโร ม้วนชี้หน้าด่าพวกบ่าวชายทั้งน้ำตา

“พวกเอ็งทำเป็นเรื่องเล่นๆ ไม่มีใครเอาจริงเอาจังสักคน จะไล่ผีน่ะ ต้องจริงจังทำเป็นเล่นไม่ได้”

“ข้าลืมไป นังม้วนก็แม่หมอเหมือนกันนี่ เอาล่ะเห็นว่าเอ็งเป็นคนสนิทรักใคร่แม่มณี เอ็งอยากจะทำอะไรก็ลองดู แต่เลือกไอ้ที่มันศักดิ์สิทธิ์จริงๆ ได้เรื่องได้ราวจริงเสียทีเถอะ ข้าล่ะหน่ายกับไอ้พวกนี้พอแล้ว” คุณหญิงแสร์ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา...

ม้วนหายไปเตรียมข้าวของสำหรับทำพิธีไล่ผีได้สักพัก ก็กลับมาพร้อมกับไข่ดิบหนึ่งลูก หลังจากท่องคาถาเสกไข่เสร็จ ม้วนเอาไปจ่อที่ต้นแขนมณีจันทร์ ค่อยๆ กลิ้งไข่เสกไล่ลงไปตามแขนจนถึงปลายนิ้ว แล้วทำเช่นนี้กับแขนอีกข้างหนึ่ง เพื่อเรียกผีออกจากตัวมณีจันทร์ให้เข้าไปอยู่ในไข่ จากนั้น ม้วนยืนบริกรรมคาถาอีกครั้ง สะกดวิญญาณไม่หนีออกมา แล้วกระทืบเท้าเปรี้ยงๆๆสามที ก่อนหันไปรายงานคุณหญิงแสร์

“เสร็จแล้วเจ้าค่ะ เดี๋ยวอิฉันจะเอาไข่นี้ไปต้มผีก็จะพินาศไปเป็นอันเสร็จสิ้นพิธี เดี๋ยวคุณมณีก็หายไข้”

หลวงอัครเทพทนดูเรื่องไร้สาระต่อไปไม่ไหว ขอร้องแม่พอได้แล้ว ไม่ต้องทำพิธีอะไรอีก แล้วลุกเดินออกจากห้อง คุณหญิงแสร์ถอนใจเฮือก หันไปทางขาบ

“เอาอย่างนี้...ไอ้ขาบเอ็งไปอัญเชิญน้ำมนต์วัดระฆังมา เอาล่ะ พ่อมดหมอผีทั้งหลายกลับไปทำงานทำการกันเถอะพ่อ ขอให้จำเริญกันเถอะนะ วิชาอาคมเก่งกล้ากันทั้งนั้นนี่” สิ้นเสียงประชดประชันของคุณหญิงแสร์ พวกบ่าวพากันกลับเรือนทาส ทิ้งม้วนให้ปลาบปลื้มกับไข่เสกอยู่คนเดียว...

ค่ำวันเดียวกัน หลวงอัครเทพ คุณหญิงแสร์และม้วนยังคงนั่งเฝ้ามณีจันทร์ไม่ห่าง มณีจันทร์ละเมอเพราะพิษไข้ร้องหาแม่อย่างน่าเวทนา คุณหญิงแสร์สงสาร ปรี่เข้าไปนั่งข้างๆ เอามือลูบหัวมณีจันทร์ปลอบ

“โธ่...ลูกเอ๊ย...แม่มณี แม่อยู่นี่แล้วนะลูก”

หลวงอัครเทพมองมณีจันทร์สีหน้าเคร่งเครียด ทำไมป่านนี้ถึงยังไม่ฟื้น...

อีกมุมหนึ่งไม่ห่างจากเรือนใหญ่นัก อิ่มกับพวกบ่าวชายช่วยกันสุมควันไล่ผีเพื่อที่มณีจันทร์จะได้ฟื้นจากอาการป่วยไวๆ โดยมีขาบเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงใหญ่ คอยกำกับทุกคน

“เอ้าสุมควันเข้า ไล่ผีโว้ย ผีป่า ผีห่าไปไป๊...คุณท่านไม่ให้เล่นคุณไสย เราก็เอางี้ล่ะวะ...เฮ่อ...อย่าเป็นอะไรไปนะขอรับคุณมณี ไม่งั้นคุณหลวงของกระผมไม่เป็นอันกินอันนอนแน่” ขาบกลุ้มใจไม่แพ้เจ้านาย...

เหมือนพลังแห่งความห่วงใยที่ทุกคนมุ่งมั่นเอาใจช่วย ส่งผลให้มณีจันทร์รู้สึกตัวลืมตาสะลึมสะลือขอกินน้ำ หลวงอัครเทพดีใจมากรีบเข้ามาประคอง ละล่ำละลักบอกคุณหญิงแสร์ว่ามณีจันทร์ได้สติแล้ว

“คุณหลวง...ฉัน...ยังไม่ไป” มณีจันทร์เสียงอ่อนแรงมาก

“ไม่...อยู่ด้วยกัน...อยู่ด้วยกันนะแม่มณี” หลวงอัครเทพกอดมณีจันทร์ไว้แน่น

คุณหญิงแสร์ก็ดีใจเช่นกัน รีบสั่งให้ม้วนเอาน้ำมนต์ที่ได้จากวัดระฆังมาหยดใส่ปากมณีจันทร์ โขมที่นั่งเฝ้าอยู่หน้าหอนก วิ่งมาตะโกนบอกทุกคนที่อยู่ด้านล่างเรือนใหญ่

“คุณมณีฟื้นแล้ว...ผีออกแล้ว”

พวกบ่าวที่เฝ้าเอาใจช่วย ต่างส่งเสียงเฮลั่นด้วยความดีใจ

ooooooo

บ้านมณีจันทร์... ตรองรู้ว่ากุลวรางค์มาอยู่ เป็นเพื่อนคุณหญิงมาลิดา จึงตามมาสมทบ เผื่อสบโอกาสเหมาะจะได้ให้แหวนเพชรกับเธอ แต่เขาต้องเสียเส้นดันเจอไรวัตอยู่ที่นั่นด้วย กุลวรางค์ชวนสองหนุ่มอยู่กินข้าวกลางวันเป็นเพื่อนกันก่อน วันนี้คุณหญิงมาลิดาคงไม่ลงมาข้างล่างจะอยู่เฝ้ากระจกข้ามภพ พอกุลวรางค์เข้าครัวไปทำอะไรมาให้กิน ไรวัตหันมาถามตรองทันทีว่าให้แหวนกุลวรางค์หรือยัง ตรองตกใจมาก

“เฮ้ย...นี่นายรู้ได้ไง นายบอกคุณกุลหรือเปล่า”

“เปลี่ยนใจมาชอบกุลตั้งแต่เมื่อไหร่...ไอ้คนใจง่าย”

“ฉันไม่เคยชอบเมณี่แบบนั้น ไม่เคยมาตั้งแต่ต้น แกคิดไปเอง ไอ้คนใจแคบ” ตรองไม่ยอมแพ้ด่ากลับ

“แปลว่าชอบกุลมาตั้งแต่ต้น...ปอดว่ะ ชอบเขาแล้วไม่กล้าบอก...อ่อน” ไรวัตเยาะเย้ย ตรองโกรธ จะบอกหรือไม่บอกกุลวรางค์มันก็เรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับไรวัตสักหน่อย แล้วเดินหัวเสียออกมา

“ฮึ่ย...มันรู้เรื่องของเราได้ไงวะ วันนี้ก็ไม่ได้ให้คุณกุลอีกแล้วสิเนี่ย...เอ...แล้วถ้านายไรวัตไปบอกคุณกุลก่อน เราก็แย่สิ” ตรองบ่นพึมพำ สีหน้ากลุ้มใจ...

ขณะกุลวรางค์จัดสำรับขึ้นโต๊ะอาหารโดยมีนุ่มคอยเป็นลูกมือ ไรวัตหาเรื่องกระเซ้าเย้าแหย่ตรองอย่างสนุกสนาน กุลวรางค์สงสัยสองหนุ่มเล่นอะไรกัน ไรวัตตอบหน้าตาเฉยว่าเล่นเรื่องแหวนเพชรที่ตรองพกมา กุลวรางค์งง ตรองพกแหวนเพชรมาทำไม ไรวัตอ้าปากจะบอกว่าเอามาให้กุลวรางค์ แต่ตรองพุ่งเข้าไปปิดปากเขาไว้เสียก่อน ขู่ไรวัตถ้าไม่หยุดพูดจะต่อยให้ปากแตก ไรวัตปัดมือตรองออก ขู่ตรองกลับ

“แกต่อยฉัน ฉันก็จะต่อยแกเหมือนกัน”

“ดี...งั้นฉันจะจูบแก...จะหยุดหรือไม่หยุด” ตรองท่าทางเอาจริง ไรวัตขยะแขยง รีบลุกหนี...

อ่านละครทวิภพ ตอนที่ 16 วันที่ 10 กย.54
โดย บทประพันธ์ ทมยันตี
จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย นันทวรรณ รุ่งวงศ์พาณิชย์
ที่มาไทยรัฐ

No comments:

Post a Comment

My Blog List