Monday, September 12, 2011

อ่านบทละคร ในรอยรัก ตอนที่ 1

บนเครื่องบินชั้นบิสิเนสคลาส ผู้โดยสารส่วนใหญ่เป็นฝรั่ง แอร์โฮสเตสเดินตรวจดูการรัดเข็มขัดของผู้โดยสาร ท่าทางทุกคนหงุดหงิดเพราะต้องรอผู้โดยสารมาช้าคนหนึ่งเครื่องถึงจะออกได้ ต่างบ่นไม่พอใจที่คนเดียวทำให้คนส่วนใหญ่เสียเวลา

กานนหรือปลิว นักธุรกิจหนุ่มรูปหล่อ ผู้สืบทอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของสกุลรัตนรัช...ซึ่งเป็นตระกูลมหาเศรษฐีเก่าแก่ มีนิสัยสุขุม รอบคอบ เขานั่งริมนอกอ่านหนังสือพิมพ์ฝรั่งอย่างไม่สนใจ จนกระทั่งแอร์โฮสเตสเอ่ยขอประทานโทษ เขาจึงลดหนังสือพิมพ์ลงเห็นหญิงสาวสวมแว่นดำยืนข้างแอร์สาว เขารีบลุกขึ้นให้เธอเข้าไปนั่งข้างในและกล่าว “I’m sorry.”

“ไม่เป็นไรค่ะ”ม่านมัสลินตอบเป็นภาษาไทย

กานนประหลาดใจที่เธอเป็นคนไทย ตลอดเวลาที่อยู่บนเครื่อง ม่านมัสลินยังคงสวมแว่นดำนั่งเหม่อมองไปนอกหน้าต่างไม่สนใจสิ่งใดทั้งสิ้น เธอคิดถึงเสียงสั่งที่ยังดังก้องในความคิด เสียงสั่งของจิรดาที่สั่งให้กลับเมืองไทยด่วน ทั้งที่เธอกำลังจะจบปริญญาโทในเทอมนี้

“หูแตกหรือยังไงฉันบอกให้รีบกลับเมืองไทย...รึอยากจะมาไม่ทันเผาพ่อแกก็ตามใจ”

น้ำตาร่วงจากกรอบแว่นม่านมัสลิน เธอหวนนึกถึงเมื่อหกปีก่อน ครั้งที่เธอกับพ่อภาษิตช่วยกันปลูกดอกบัว เธอถามพ่อว่าครั้งนี้มันจะรอดไหม ภาษิตโยกหัวลูกสาวอย่างเอ็นดู

“หือ พูดซะเหมือนคนแก่เลย ตายอีกก็ปลูกอีก แค่นั้นแหละ”

“แต่ปีนี้เราลงบัวไปกี่ครั้งแล้วเนี่ย นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็น

ต้นไม้ที่พ่อชอบนะ มัสถอดใจไปนานแล้ว เอ๊ะ...มือพ่อเปื้อนนี่” ม่านมัสลินเห็นมือพ่อเปื้อนดินมาจับหัว

“เออ จริงด้วยแฮะ งั้นเอาอีกที...ฮ่าๆๆๆ”ภาษิตจับหัวม่านมัสลินโยกไปมา

ม่านมัสลินร้องลั่น สองพ่อลูกหัวเราะกันสนุกสนาน พลันจิรดาเข้ามากระชากกอบัวปาทิ้ง สองพ่อลูกตกใจถามทำไมทำแบบนี้ จิรดาจ้องภาษิตอย่างโกรธๆแล้วหันไปเหยียบกอบัวจนเละ ปากก็โวยวายว่าตนเกลียดดอกบัว

“ไม่เฉพาะดอกบัวหรอก คุณเกลียดดอกไม้ทุกอย่าง”

“แล้วมันแปลกด้วยเหรอ ฉันไม่ใช่นางเอกที่ต้องทำดัดจริตชอบดอกโน่นดอกนี่เหมือนนังนั่น...อย่าคิดนะว่าฉันไม่รู้ว่าทำไมคุณถึงอยากปลูกไอ้ดอกบัวดอกสวรรค์นี่นัก”

“พอได้แล้วจิรดา”ภาษิตปราม

จิรดาถามเยาะๆว่าไม่แปลกใจหรือทำไมถึงปลูกกันไม่สำเร็จ แล้วหันไปแหวใส่ม่านมัสลินให้ไสหัวไปปลูกที่อื่นที่ไม่ใช่บ้านตน ภาษิตโกรธมากตวาดจิรดาให้ขอโทษลูก แต่เธอเชิดหน้าเดินหนี ภาษิตตามไปอย่างไม่พอใจ ม่านมัสลินทรุดลงเก็บซากดอกบัวน้ำตาไหล พัดสาวใช้ซึ่งเลี้ยงดูม่านมัสลินมาแต่เล็กเข้ามาโอบไหล่อย่างเวทนา ปลอบอย่าไปใส่ใจ...

“คุณครับ...” เสียงกานนสะกิดให้เธอรู้สึกตัว เธอสะดุ้งเล็กน้อย

ม่านมัสลินหันมามองกานน เขายื่นถาดอาหารที่พนักงานเอามาเสิร์ฟให้ เธอเงอะงะนิดๆ ก่อนจะรับมาวางแล้วเบือนหน้ามองไปนอกหน้าต่างตามเดิม กานนรู้สึกเก้อที่ไม่มีคำขอบคุณ

ooooooo

วันนี้เป็นวันเผาศพภาษิต บัวบงกช อดีตนางเอกหนังชื่อดังเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อน ยื่นมือจะรับดอกไม้จันทน์จากจิรดาที่ก้มหน้าก้มตาส่งให้แขก แต่พอเห็นแหวนเพชรบนมือขาวสวยจึงเงยหน้ามอง พอเห็นว่าเป็นบัวบงกชก็ชักสีหน้าถามว่าใครเชิญ บัวบงกชค้อมหัวให้แล้วขอ

“ให้ฉันได้ลาภาษิตเป็นครั้งสุดท้ายเถอะนะคะ”

“ลางั้นเหรอ...ทำไมไม่ตายไปซะด้วยกันเลยล่ะ” จิรดาตวาดไล่ให้กลับไปพร้อมปาดอกไม้ใส่หน้า พอเห็นบัวบงกชไม่หนีก็จะเขวี้ยงถาดในมือ

พัดวิ่งมาจับจิรดาไว้ “คุณดา ไม่เอาค่ะ จวนได้เวลา แล้วนะคะ”

“อยากได้ผัวฉันจนนาทีสุดท้ายเลยใช่มั้ย ปล่อยฉันนังพัด ฉันจะส่งมันเข้าเตาเผาไปด้วยกัน”

พัดกระชับมือแน่นเกือบกลายเป็นจิกจนจิรดาเจ็บ และพูดรอดไรฟันดุๆราวกับไม่ใช่คนรับใช้พูดกับเจ้านาย “คุณดาคะ...แขกตกใจใหญ่แล้วไม่เห็นเหรอคะ”

จิรดามองไปรอบๆเห็นทุกคนจ้องมองจึงบอกพัดว่า ตนกลับมาอย่าให้เห็นนังนี่อีก แล้วเดินไป บัวบงกชตามไปจับแขนจิรดาถามหาม่านมัสลิน จิรดาแหวใส่จะเอาเรื่อง

“ฉันแค่อยากเจอหน้าหนูมัสลิน เขาต้องกลับมางานพ่อเขาสิ ใช่มั้ยคะ แล้วเขาอยู่ไหน”

“ทำไมฉันต้องตอบเธอด้วย แล้วมันธุระอะไรของเธอถึงต้องอยากเจอมัสลิน...นอกซะจากว่ามันเป็นลูกในไส้ที่เธอไข่เรี่ยราดให้ผัวฉันเลี้ยง” จิรดาเห็นบัวบงกชนิ่งจึงสรุปเอง “ไม่ตอบ งั้นฉันจะคิดว่าเธอกับมัสลิน...”

ไม่ทันที่จิรดาจะพูดจบ เสียงกริ่งสัญญาณได้เวลาเผาศพดังกลบเสียงเธอ...ม่านมัสลินวิ่งลงจากรถแท็กซี่เข้ามาที่ศาลา มองภาพผู้ตายไม่ใช่พ่อของเธอก็ร้องไห้วิ่งไปอีกศาลา ชนเข้ากับบัวบงกชที่ก้มหน้าก้มตาจ้ำเท้าออกมา บัวบงกชเห็นม่านมัสลินล้มก็รีบเข้าประคองขอโทษขอโพย แต่พอเห็นหน้าเธอก็ตะลึง ม่านมัสลินถามว่ามางานพ่อตนใช่ไหม ตอนนี้พ่อตนอยู่ไหน บัวบงกชไม่ได้ตอบแต่มองไปยังเมรุ ม่านมัสลินตกใจร้อง...ไม่นะ แล้ววิ่งพรวดพราดไป

“พ่อ...” ม่านมัสลินร้องไห้โฮจะขึ้นไปบนเมรุ พัดเข้ามากอดรั้งไว้ ม่านมัสลินดิ้นจะขึ้น

จิรดาเดินเข้ามาบอกให้ปล่อยให้ขึ้นไป ม่านมัสลินสงบลงหันมาฟูมฟายถาม “ทำไมแม่ไม่คอยมัส ทำไมไม่ให้มัสเห็นหน้าพ่อก่อน...แม่...ทำไมคะ”

“มันเป็นความผิดของแกเอง ฉันบอกแล้วว่าให้บินมาเลย ช่วยไม่ได้ รอเก็บกระดูกพ่อแกพรุ่งนี้ก็แล้วกัน” จิรดาแกะมือม่านมัสลินที่จับตนออก แล้วเดินไป สวนกับม่านมุกที่เดินเข้ามา

“มัสลินไม่ทันเจอพ่อค่ะยาย มัสมาไม่ทัน...” ม่านมัสลินร้องไห้โฮเมื่อเห็นหน้าม่านมุก

“ไม่เป็นไรลูกไม่เป็นไร พ่อเขารู้ว่าหนูมา หนูทำดีที่สุดแล้วนะลูกนะ” ม่านมุกกอดปลอบ

ม่านมัสลินมองควันไฟที่พวยพุ่งออกจากปล่องไฟแล้วกระจายหายไปอย่างเศร้าเสียใจ

ooooooo

วันต่อมา ที่อาคารรัตนรัช กานนสั่งงานเลขาอยู่ในห้องทำงาน แล้วถามถึงตั๋วเครื่องบินที่ตนจะต้องไปซิดนีย์ แนนเลขาตอบว่ายังไม่ได้ออกตั๋วเพราะรอพาสปอร์ตเขาที่จะต้องต่อวีซ่าให้เรียบร้อยก่อน กานนหยิบตั๋วใบเก่ามาดู แววตาเขายิ้มๆ เพราะหวนคิดถึงเหตุการณ์เมื่อวันก่อน

ขณะที่กานนเข็นรถสัมภาระออกมาพร้อมกับม่านมัสลิน และกำลังจะแยกไปอีกทาง เธอก็เอ่ยขึ้น “คุณคะ... ขอบคุณนะคะ ที่คุณช่วยเทกแคร์ฉัน ตอนอยู่บนไฟลท์”

กานนคิดถึงทีไรก็ยิ้มอย่างมีความสุข พลันต้องสะดุ้งเมื่อเห็นหน้ามธุรินยืนอยู่ตรงหน้า

“ตกใจอะไรขนาดนั้นคะกานน เดียร์ก็อยู่ตรงนี้มาสักพักแล้ว” มธุรินยิ้มหวานอย่างน่ารัก

“แล้วทำไมไม่เรียกผมล่ะครับ”

“ทั้งเดียร์ทั้งเลขาคุณเลยนะคะ แทบจะประสานเสียง แต่เรียกยังไงกานนก็ไม่สนใจ”

กานนรีบเก็บตั๋วใส่ลิ้นชัก แล้วทักถามมธุรินว่ามีธุระอะไร เธอสีหน้าเศร้าลงแล้วตอบว่า ตั้งใจมาหาเขา เพราะอึดอัดที่พ่อกับแม่ตั้งท่าจะทะเลาะกันอีกแล้ว กานนเตือนว่าเธอคงว่างจึงคิดมาก มธุรินงอนที่หาว่าตนฟุ้งซ่าน จึงคว้ากระเป๋าจะกลับ กานนรีบขอโทษ มธุรินหัวเราะน่าเอ็นดู

“ล้อเล่นค่ะ เดียร์จะโกรธท่านประธานที่อุตส่าห์เสียเวลามาปลอบเด็กเมื่อวานซืนอย่างเดียร์ได้ยังไงกันคะ ขอบคุณนะคะที่หวังดีกับเดียร์”

“รอผมอีกไม่เกินชั่วโมง แล้วผมจะพาไปทานกลางวัน”

“เห็นทีเด็กเมื่อวานซืนจะต้องเชิดใส่ท่านประธานซะแล้วล่ะค่ะ เดียร์นัดยัยกิ๊บไว้ค่ะ”

กานนขมวดคิ้วถามว่าเธอไม่ได้อยู่อเมริกาหรือ มธุรินตอบว่า เพิ่งตามกุเทพกลับมานั่นแหละ กานนสีหน้ากังวลขึ้นมาทันที...

มธุรินมาพบกับพินสุดา สองสาวเดินดูเสื้อผ้าในร้านหรู พินสุดาตำหนิมธุรินที่บอกกานนไปแล้วว่าตนมา เพราะมันจะทำให้กุเทพไหวตัวแล้วหนีตนไปอีก พินสุดาต่อว่า

“ใสซื่ออย่างนี้น่ะซี้ อาปลิวเขาถึงไม่คบแกเป็นจริงเป็นจังสักที”

“ฉันไม่ชอบเลยนะที่แกพูดอย่างนี้” มธุรินไม่สบายใจ

พินสุดายิ้มปลอบว่าที่พูดเพราะเป็นห่วง มธุรินย้อนว่าให้ห่วงตัวเองก่อน ตนไม่เห็นด้วยเลยที่ตามจิกกุเทพเรื่องไปติดพันรุ่นน้อง พินสุดาแค้นใจขึ้นมาทันที เข่นเขี้ยว...อีมัสลิน...

“แกกับคุณกุเลิกกันแล้วนะกิ๊บ เขาจะคบใครก็ช่างเขาเหอะ ไหนแกเคยบอกไม่ใช่เหรอว่าแฟนน่ะเลิกแล้วก็หาใหม่ได้”

“ใครบอกแกว่ากุเป็นแฟนฉัน”

มธุรินร้องอ้าว...พินสุดาขยายความ “ฉันกับกุอยู่ด้วยกันที่โน่นมากี่ปีแล้ว อย่างกุน่ะฉันเรียกว่าสามี”

มธุรินฟังแล้วถึงกับผงะ ในขณะที่พินสุดาเคียดแค้นยิ่งขึ้น “นังมัสลิน อีนางแบบโลว์คลาสน่ะมันเหนือเมฆ ตอนมันย้ายมาเรียนยูเดียวกับกุมันทำเป็นเชิดใส่ไม่สนใจใคร สุดท้ายมันก็ฉกกุไปเนียนๆ กุเลิกกับฉันก็เพราะมัน”

“ทำไมแกไม่คิดบ้างว่า ที่คุณกุเขาเลิกกะแกน่ะมันอาจมาจากสาเหตุอื่น”

พินสุดาโวยวายว่าเป็นเพราะม่านมัสลิน และจะให้มธุรินช่วย มธุรินปฏิเสธพัลวัน...

เป็นอย่างที่คิด กานนรีบมาหากุเทพที่โรงแรม กุเทพมีศักดิ์เป็นหลานอาของกานน แต่อายุเท่ากัน อุษยาเลี้ยงมาด้วยกันเพราะต่างก็พ่อแม่ตายตั้งแต่เด็กๆ...กานนมารับกุเทพ แต่กุเทพกลับบอกว่าต้องไปธุระก่อน กานนจึงขู่ว่าถ้าไม่ไปด้วยกัน จะโทร.ฟ้องอุษยา...ระหว่างนั่งมาในรถกานนถามกุเทพว่าจะหลบอยู่โรงแรมไปถึงเมื่อไหร่ กุเทพตอบว่าจนกว่าจะเสร็จเรื่องม่านมัสลิน กานนกระเซ้าอย่างกับเขารู้จัก กุเทพยิ้มอีกไม่นานก็รู้จักเพราะคนนี้ตนรักจริงหวังแต่ง กานนมองหน้า

“ครับๆ ตอนผมคบกับกิ๊บก็เคยพูดอย่างนี้ แต่ครั้งนี้น่ะ ไม่เหมือนกัน เฮ้อ...พูดถึงกิ๊บแล้วผมเครียดขึ้นมาทันที เปลี่ยนเรื่องคุยดีกว่าครับ”

“แกยังไม่รู้ใช่มั้ยว่าตอนนี้ยัยกิ๊บอยู่เมืองไทยน่ะ”

กุเทพตกใจ กานนจึงบอกว่าที่มาก็เพราะเรื่องนี้ เขาแนะนำให้รีบทำธุระแล้วกลับอเมริกาไป อย่าก่อเรื่องวุ่นวายเข้าหูคุณก๋งกับย่าอีกเลย กุเทพฟังแล้วเครียดเล่าให้กานนฟังว่าม่านมัสลินเป็นคนดีอย่างไรบ้าง กานนสงสัยเพราะที่ฟังจากพินสุดากับอุษยามันคนละเรื่องกันเลย

“อย่างกิ๊บเขาจะสนอะไรว่าใครจะเจ็บใครจะตาย อย่างมากก็คิดได้แค่ว่าผมกับมัสแอบบินมาเที่ยวด้วยกัน เดี๋ยวอาปลิวเจอมัสก็จะรู้ว่ามัสไม่ได้เป็นอย่างที่กิ๊บเอาไปฟ้องคุณย่าเลย”

กานนฟังผ่านๆยังไม่ปักใจเชื่อ

ooooooo

พ่อตายไปไม่ทันไร ขณะที่ม่านมัสลินเอาดอกบัวมาวางหน้ารูปภาษิต และกำลังคร่ำครวญเสียใจที่พ่อมาจากไป จิรดาท่าทางมึนเมาพาชายฉกรรจ์สามคนมาขนของในบ้าน อ้างว่าภาษิตสร้างหนี้ทิ้งไว้ ม่านมัสลินไม่เชื่อ รู้ว่าของทุกชิ้นพ่อหามาด้วยความรัก เธอไล่ตะเพิดชายสามคนให้ออกไปจากบ้าน ชายคนหนึ่งบ่นอย่างหงุดหงิดที่ไม่ตกลงกันเสียก่อน แล้วโทร.ฟ้องนาย จิรดาโวยใส่ม่านมัสลินว่าลูกเนรคุณ อยากเห็นตนต้องตายเพราะเจ้าหนี้ตามฆ่าหรือ

“ผีพนันมันเข้าสิงแม่จนลืมความผิดชอบชั่วดีไปแล้ว แม่รู้ตัวรึเปล่า”

“นี่แกด่าฉันนะอีมัส” จิรดาโกรธจนตัวสั่น ตบหน้าม่านมัสลินจนน้ำตาร่วง...

ในขณะเดียวกัน บัวบงกชนั่งมองรูปถ่ายเด็กหญิงวัยสองขวบที่ภาษิตอุ้ม และรูปอื่นๆของเด็กหญิงหลายๆวัย เธอร้องไห้เสียใจที่ยังไม่ทันได้ตอบแทนบุญคุณภาษิตเลยก็มาด่วนจากไป หน้าห้อง มธุรินถือถุงขนมเดินมาหน้าห้องทำงาน เจอกับเตชเข้าพอดี

“ใจตรงกับเดียร์เลย มาหาคุณแม่เหมือนกันเหรอคะคุณพ่อ” พอเห็นพ่ออึกอักจะปฏิเสธก็รีบเกาะแขน “ไม่ต้องปิดเดียร์หรอกค่ะ เดียร์เห็นน้า...ที่คุณแม่งอนคุณพ่อเมื่อเช้าน่ะ”

“แม่เขาคุยอะไรให้เดียร์ฟังรึเปล่า” เตชรีบถามลูกสาว

มธุรินดึงแขนเตชบอกว่า แม่ให้พ่อไปง้อเดี๋ยวนี้ แต่พอเปิดประตูห้องเข้าไปก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นบัวบงกชน้ำตาอาบแก้ม ในมือยังถือรูปภาษิตอุ้มลูก มธุรินตกใจแต่เตชสีหน้าโกรธขึ้ง บัวบงกชรีบเก็บรูปลงลิ้นชัก...พออยู่กันตามลำพัง เตชตัดพ้อบัวบงกชว่าเขาทนไม่ได้ที่เห็นเมียตัวเองฟูมฟายกับรูปแฟนเก่า บัวบงกชตอบโต้อย่างไม่เกรงกลัว

“มันก็พอกับการต้องทนอยู่กับสามีที่หวาดระแวง ไม่เชื่อใจกันนั่นล่ะค่ะ”

สองคนโต้เถียงกันเสียงดัง มธุรินยืนฟังอยู่หน้าห้อง น้ำตานอง แม่บ้านเข้ามาเชิญให้ลงไปข้างล่างไม่ควรฟังผู้ใหญ่คุยกัน ไม่ทันที่มธุรินจะเดินลงไปก็ได้ยินเสียงเตชโวยเสียงดัง

“นังเด็กในรูปนี่ก็เหมือนกัน กี่ครั้งแล้วที่ผมเข้ามาเจอคุณอยู่กับรูปมัน”

มธุรินชะงักหยุดฟัง แม่บ้านดันให้เธอเดินออกไปจากตรงนั้น...เตชถามตรงๆว่าเด็กในรูปเป็นลูกเธอกับภาษิตหรือ บัวบงกชตาลุกวาวด้วยความโกรธ

“หยุดนะคุณเตช สกปรกที่สุด แล้วคุณจะต้องเสียใจกับสิ่งที่คุณพูด”

เตชจะแย่งรูปเอาไปทำลาย บัวบงกชไม่ยอมต่อว่าอย่ามายุ่งของส่วนตัวของตน เตชพลั้งปากว่าที่นี่บ้านเขาแล้วรู้สึกผิดรีบขอโทษ บัวบงกชน้อยใจบอกว่าตนรู้้ตัวว่าเป็นคนอื่น ถึงไม่ค่อยอยู่บ้านนี้นานๆ เตชขอร้องอย่าไปเขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้น

“คุณสบายใจได้ ยังไงฉันก็ให้อภัยคุณค่ะ เพราะสิ่งที่คุณทำมันเล็กน้อยเหลือเกิน ถ้าเทียบกับความผิดครั้งนั้น...ที่ต่อให้ฉันตายฉันก็ไม่มีวันอภัยให้คุณ”

เตชฟังแล้วหน้าร้อนผ่าว เพราะรู้ตัวดีว่าได้ทำผิดต่อเธอไว้อย่างมากในอดีต

ooooooo

ในซอยที่กุเทพให้กานนขับรถเข้ามา กานนเห็นม่านมัสลินเดินข้างทางก็ตกใจเหลียวมอง กุเทพยื่นกระดาษให้ดูเลขที่บ้านแล้วถามมองอะไร กานนอ้อมแอ้มตอบว่าเหมือนคนรู้จัก กุเทพว่าคนที่กานนรู้จักคงไม่มาเดินแถวนี้...แต่พอมาถึงบ้านม่านมัสลิน   เธอไม่อยู่ ไม่ทันจะกลับก็ได้ยินเสียงจิรดาจิกด่าเรียกสาวใช้ กุเทพรู้สึกห่วงม่านมัสลินอย่างมาก

ม่านมัสลินเดินใจลอยไปตามทาง ในสมองมีแต่เสียงจิรดาที่บอกกับตนว่า เธอได้เซ็นยกบ้านนี้ให้เจ้าหนี้ไปแล้ว พรุ่งนี้ต้องย้ายออกไป ถ้ายังอยากอยู่เมืองไทยก็ให้ไปอยู่บ้านสวน ม่านมัสลินร้องไห้สะอึกสะอื้น จนมาถึงบ้านสวนของม่านมุก เธอร้องไห้ซบตักม่านมุกรำพันที่จิรดาขายของรักของพ่อหมด ม่านมุกปลอบให้อภัยให้แม่ เพราะรู้ดีว่าจิรดามีปมความเจ็บปวดในอดีต
“ทุกครั้งที่มัสมีปัญหากับแม่ ยายก็จะบอกให้มัสเข้าใจแม่ แต่ครั้งนี้ที่แม่ทำมันมากเกินไปค่ะ แม่ขายบ้านที่พ่อสร้าง ขายของๆพ่อ มัสไม่เหลืออะไรเกี่ยวกับพ่ออีกแล้ว”
“ที่มัสพูดมาน่ะ มันของสมมติทั้งนั้นเลย ใจเราต่างหากที่เป็นของจริง ต่อให้ใครจะขายบ้านขายสมบัติพ่อเราไปเท่าไหร่ แต่เขาก็ไม่มีวันพรากพ่อไปจากใจมัสได้ ไม่ใช่เหรอ”
ม่านมัสลินสงบลง แต่ยังทำใจไม่ได้ ม่านมุกบอกหลานสาวว่าไม่ต้องห่วงว่าจะไม่มีเงินเรียนต่อ เพราะภาษิตได้เก็บเงินไว้ให้มากพอเรียนจบ ม่านมุกเอาสมุดบัญชีที่ลูกเขยมาฝากไว้ก่อนตายให้ แต่ม่านมัสลินกลับตัดสินใจ ขอเอาเงินก้อนนี้ไปใช้หนี้ประทังไม่ให้เจ้าหนี้ยึดบ้าน
กุเทพขอลงรถที่ร้านเกวลิน...เกวลินดังแปลงบ้านเก่าเป็นร้านเสื้อสไตล์คลาสสิก ศิธาแฟนหนุ่มประจบเอาใจซื้อสร้อยข้อมือมาฝาก เพื่อหวังเงินสร้างสตูดิโอที่มีทั้งโรงถ่ายและห้องตัดต่อใหญ่ที่สุดในเอเชีย  เกวลินหลงเชื่อยอมเป็นหุ้นส่วน กุเทพเข้ามาเห็นศิธากำลังจูบเกวลินก็ตกตะลึง เพราะจำได้ว่าศิธาคือคู่เกย์ของพีระพลน้องชายพินสุดาตอนอยู่อเมริกา
กุเทพพยายามเตือนเกวลินว่าศิธาไม่ใช่คนดีอย่าไปจริงจังด้วย แต่เธอกลับบอกว่า ไม่มีใครดีพร้อม ชีวิตไม่มีตำหนิ กุเทพเย้าว่า ตัวเขาไง
“ย่ะ เก็บไว้ให้ยัยม่านมัสลินคนเดียวเหอะ เออแล้วเป็นไงบ้างล่ะสุดที่รักของเธอน่ะ”
“รีบเปลี่ยนเรื่องเชียวนะ” กุเทพบอกที่มาก็จะขอความช่วยเหลือ เกวลินดักคอว่าผู้หญิงไม่รักล่ะสิ แต่พอกุเทพบอกว่าพ่อม่านมัสลินเสีย เกวลินตกใจเป็นห่วง...
ศิธานัดพบคิม ลี ลูกครึ่งฮ่องกง-สิงคโปร์ พ่อแม่ทำธุรกิจด้านบันเทิง ตัวเองเปิดบริษัทเอเจนซี่กับดุสิตเพื่อนคนไทย ศิธาขอกู้เงินคิมเพื่อซื้ออุปกรณ์เข้าสตูดิโอ แต่คิมกลับบอกว่า แม่ของตนสั่งห้ามยุ่งเรื่องเงินกับศิธาอีก เพราะของเก่าก็ยังใช้คืนไม่หมด ศิธาเคืองทวงบุญคุณ
“แม่แกคงลืมไปแล้วใช่มั้ยว่าครอบครัวฉันเคยช่วยครอบครัวแกยังไง”
“มาไม้นี้อีกแล้ว ฉันไม่สนหรอกนะว่าพ่อแกแม่ฉันหรือใครๆ จะมีบุญคุณกันยังไง แต่เอาเป็นว่าฉันจะให้ลูกน้องจัดการให้ก็แล้วกัน ที่ช่วยนี่เพราะอยากให้มันเป็นครั้งสุดท้ายหรอกนะ”
ศิธาดีใจดึงมือคิมมาจูบ คิมสะบัดออกอย่างรังเกียจ ศิธาลุกพรวดขึ้น ชนถาดกาแฟที่ม่านมัสลินถือเดินมาหกราดตัวเอง เธอรีบขอโทษ แต่ศิธากลับด่าว่า เธอถึงกับผงะที่ดูแมนแต่โวยวายเหมือนหญิง คิมดึงศิธาไปแล้วขอโทษแทน ม่านมัสลินตำหนิไม่เป็นสุภาพบุรุษเลยที่ตนขอโทษแล้วยังจิกด่า คิมลากศิธาออกไป สักพักกลับมาขอโทษม่านมัสลินอีกครั้ง และให้นามบัตรไว้
“ผมเป็นลูกจ้างอยู่บริษัทนี้ คุณโทร.หาผมนะ ผมอยากคุยกับคุณเรื่องงาน บริษัทดีมีชื่อเสียง เชื่อถือได้ ไม่มั่วครับ” คิมการันตี พลันมือถือดังขึ้น
ม่านมัสลินบอกให้เขารีบไปก่อนที่แฟนจะมาตาม คิมร้องลั่นอย่าเข้าใจผิด เขาไม่ใช่แฟนศิธา เสียงมือถือดังไม่เลิก คิมรีบเดินไปแต่ยังทำมือทำไม้ให้เธอโทร.หาเขา
ooooooo
วันนั้น มธุรินมาหาพินสุดาให้ช่วยค้นหาข่าวในอดีตของแม่ บัวบงกช วงศ์วิมล เท่าที่ค้นหาไม่เจอข่าวไม่ดีตรงไหนเลย จนมธุรินกลับไป พินสุดาก็เจอข่าวๆหนึ่ง ที่ว่า...พอบัวบงกชประกาศแต่งงานกับเตช เตชะนนท์ บรรดาหนุ่มที่เสียใจมีภาษิต พร้อมพงษ์ อาร์ตติสชื่อดังรวมอยู่ด้วย เพราะเคยมีข่าวลือว่าสองคนนี้คบหากันจนมีลูกด้วยกันหนึ่งคน...
เกวลินกำลังจะขับรถพากุเทพออกไปหาอะไรทาน โชคดีที่เห็นทางกระจกมองหลังว่าม่านมัสลินลงรถแท็กซี่หน้าร้าน จึงรีบวกรถกลับมาหา เกวลินกับม่านมัสลินโผกอดกันด้วยความดีใจ กุเทพเข้ามายืนยิ้มดีใจ เธอทักทายเขาผิดๆ ม่านมัสลินมาของานเกวลิน แต่เกวลินขอผลัดเป็นงานหน้า เพราะงานนี้เสื้อผ้าไม่เหมาะที่จะใส่ กุเทพค่อนขอดว่าใจร้าย เกวลินจึงไปหยิบชุดมาชูให้ดูว่ามันเป็นชุดซีทรูโชว์ชุดชั้นใน แต่ม่านมัสลินกลับบอกว่าตนใส่ได้เพราะร้อนเงิน
ในวันงานแฟชั่นโชว์ กุเทพแอบเข้ามายืนดูหน้าเวที ทั้งที่ม่านมัสลินขอแล้วว่าไม่ให้มา ม่านมัสลินมองชุดที่ตัวเองใส่แล้วต้องเป่าปากสูดหายใจลึกๆ เรียกความมั่นใจให้ตัวเอง ก่อนจะออกไปเดิน เธอเดินในชุดเกาะอกบางเฉียบยาวกรอมเท้า กุเทพเห็นแล้วตาค้าง พอม่านมัสลินเดินมาหยุดโพสหน้าเวที เห็นกุเทพก็อายหลุดคิว ยืนนิ่งนาน นางแบบคนต่อมาจึงพลาดเหยียบชายกระโปรงเธอหลุด ม่านมัสลินตกใจรีบเอามือปิดอกไว้ นักข่าวถ่ายภาพกันพรึบพรั่บวันรุ่งขึ้น ม่านมัสลินนั่งหน้าตูม เกวลินกับกุเทพหัวเราะขำภาพข่าวในหน้าหนังสือกอสซิป เกวลินแซว “ไง ได้ดังสมใจ ดีมั้ย”
“ถามจริง มัสตั้งใจจัดซีนให้ตัวเองใช่ป่ะ เนียนนะเนี่ย” กุเทพกระเซ้า
“มีหน้ามาว่าอีก มัสยังไม่ได้เฉ่งพี่กุเลยนะ ถ้าไม่ใช่เพราะพี่มาดู มัสก็ไม่เสียสมาธิหรอก”
เกวลินขอบใจเพราะทำให้ชุดนั้นยอดขายพุ่งปรี๊ด พลันมือถือดัง เกวลินกดรับสาย “ใครคะ ดุสิต...ดุสิตไหนอ่ะ อ๊อ...แกเองเหรอ บอกว่า อีสิต สิไม่งั้นไม่คุ้น ว่าไงมีไร ให้รับใช้”
จากนั้น เกวลินบอกม่านมัสลินว่า ดุสิตอยากให้ไปเป็นพรีเซ็นเตอร์เครื่องดื่มบำรุงผิว และรับรองว่าเขาเป็นเพื่อนไว้ใจได้ กุเทพแซวจะดังใหญ่แล้ว
ม่านมัสลินมาที่ออฟฟิศดุสิต เดินสวนกับคิม ต่างคนต่างตกใจที่เจอกัน คิมดีใจเข้ามาทัก
“คิดว่าคุณทิ้งนามบัตรผมไปซะแล้ว ทางนี้ฮะเชิญๆ...บริษัทผมเองครับ”
ม่านมัสลินเข้าใจว่าคิมคือดุสิต แต่แล้วดุสิตเดินมาแนะนำตัวว่า เขาดุสิตเป็นเพื่อนเกวลิน ม่านมัสลินทำการแคสติ้งหน้ากล้องตามสคริปต์ คิมยืนมองแล้วบอกดุสิตว่าใช่เลย
“ฮื่อ ลูกค้าต้องซื้อแน่ๆ” ดุสิตพยักหน้า
“ฉันหมายถึงแม่ฉันเว้ย ใช่เลย แบบนี้แหละที่มามี้อยากได้เป็นลูกสะใภ้”
“คุยภาษาไทยให้รู้เรื่องซะก่อนเหอะ เวลาเขาด่าจะได้แปลถูก” ดุสิตแขวะ
เสร็จงาน ม่านมัสลินสวมเสื้อแจ็กเกตของตัวเองเดินมาถามว่าตนกลับได้หรือยัง ดุสิตแนะนำให้เธอรู้จักกับคิมอย่างเป็นทางการว่าคิมเป็นเจ้าของที่นี่ร่วมกับเขา ม่านมัสลินสวัสดีแล้วออกตัวว่าแฟนเขาคงแยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวออกนะ คิมโอดโอยที่เธอยังเข้าใจผิด
ดุสิตหัวเราะแล้วรับรองว่า คิมเป็นแมนเต็มตัว และไม่ได้สติไม่ดีอย่างที่เธอสงสัย ม่านมัสลินจึงขอโทษ คิมบอกเธอว่าเขามีงานโฆษณาให้อีกชิ้นให้เธอถอดเสื้อออก ม่านมัสลินเข้าใจผิดตบหน้าคิมแล้ววิ่งกลับไป ดุสิตเองยังเหวอ...
ขนาดอยู่ในโรงพยาบาล อุษยาเอานิตยสารที่ลงรูปม่านมัสลินมาให้พินสุดาดูว่า ใช่คนนี้หรือเปล่าที่กุเทพไปติดพัน พินสุดาโกรธมือไม้สั่นใส่ไฟให้ร้ายม่านมัสลินเต็มที่ เจ้าสัวทศซึ่งนอนป่วยอยู่รำคาญ โขยกเขยกเข้ามาในห้องรับแขกบ่น
“นี่แม่คุณ จะพูดจะจาอะไรให้มันเกรงใจกันบ้าง นี่มันห้องพักฟื้นคนป่วยนะไม่ใช่ตลาด”
“แหมเตี่ยก็ พูดอย่างนี้หนูกิ๊บเสียน้ำใจหมด อุตส่าห์แวะมาเยี่ยม”
พินสุดาสวัสดีเรียกคุณก๋ง เจ้าสัวตอกกลับว่าตนมีหลานชายสองคนเท่านั้น ทำเอาพินสุดาหน้าเจื่อน ขณะนั้น กานนพากุเทพมาเยี่ยมเจ้าสัว กุเทพกลัวเจอพินสุดา กานนจึงโทร.ถามอุษยาเธอหลอกว่าไม่มา เจ้าสัวตำหนิลูกสาว แล้วเตือนพินสุดดาไปด้วย
“แกเห็นดีเห็นงานให้ไอ้กุมันคบแม่นี่ได้ยังไงนะนังอุษยา...เธอก็เหมือนกัน คิดเหรอว่าแม่อุษยาเขาจะจริงใจกับเธอ อย่างมากก็หลอกใช้ให้กันสาวๆไปจากไอ้กุ”
อุษยาสะดุ้งโหยงรีบบอกพินสุดาอย่าไปฟัง พลันกานนกับกุเทพเข้ามา พินสุดาปรี่เข้าเกาะแขน กุเทพโวยกานนให้รับผิดชอบ กานนสบตาอุษยา เธอทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้ พินสุดาทำทีชวนคุยเรื่องม่านมัสลินเป็นอย่างไรบ้างที่พ่อเสีย กุเทพย้อนว่าเธอน่าจะรู้ดีกว่าเขา อุษยาให้กุเทพบอกไปว่าไม่ได้ติดต่อกับใคร แต่กุเทพกลับสวนว่าเขาไม่ชอบโกหก พินสุดาทำเป็นยิ้ม
“ไม่เป็นไรค่ะคุณย่า กุกับกิ๊บก็อย่างนี้แหละค่ะ เถียงกันเดี๋ยวก็ดีกัน” พินสุดาชวนกุเทพออกไปด้วยกัน กุเทพบอกว่าเขาไม่ได้นัดกับเธอ พินสุดากระซิบให้เกรงใจเจ้าสัวแล้วจ้องตาเขา
กุเทพเกรงฤทธิ์เดชพินสุดาไม่น้อยจึงยอมไปด้วย เจ้าสัวหันมาตำหนิอุษยาที่ทำร้ายหลาน อุษยางอนกลับไป เจ้าสัวบ่นกับกานนว่าอุษยานิสัยเหมือนแม่คือย่าของกานน ที่ชอบเจ้ากี้เจ้าการจนทำให้ตนต้องเสียม่านมุกไป ตนคงตายตาไม่หลับถ้ายังไม่รู้ว่าม่านมุกไปทำอะไรอยู่ที่ไหน
กุเทพกับพินสุดาออกมาทะเลาะกันอยู่ลานจอดรถ พินสุดาโกรธจะโดดให้รถชน กุเทพจำต้องลากตัวกลับเข้ามาแล้วผลักเธอออกอย่างหงุดหงิด พินสุดาขู่อาฆาต
“ถ้ากุยังพูดไม่รู้เรื่อง กิ๊บทำได้มากกว่านี้อีกนะคะ แล้วคนที่กิ๊บจะทำไม่ใช่ตัวกิ๊บแน่ๆ”
ooooooo

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย บทประพันธ์ วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ฉายฉันท์
  • 1 กันยายน 2554, 10:48 น.

No comments:

Post a Comment

My Blog List