Monday, September 19, 2011

อ่านบทละคร ในรอยรัก ตอนที่ 10


เมื่อเห็นว่ามธุรินหลับ กานนจึงย่องออกจากห้องเธอ พบบัวบงกชยืนรออยู่ เขาจึงบอกเธอว่า มธุรินคงหลับลงเพราะฤทธิ์ยาที่แอบกินเข้าไป ว่าแล้วก็ส่งขวดยาให้ก่อนจะลากลับ
บัวบงกชขยับมาดักหน้า “เดี๋ยวสิคะคุณกานน คุณก็รู้ดีว่าอาไม่ได้รอที่จะเจอคุณเพียงเพื่อจะถามว่ายัยเดียร์หลับหรือยัง”
กานนสบตาบัวบงกชอย่างเข้าใจ ทั้งสองลงมานั่งคุยกันที่ห้องรับแขก บัวบงกชเปิดประเด็นว่า เขาคงรู้เรื่องหมดแล้ว กานนพยักหน้า
“ครับ เดียร์เล่าให้ผมฟัง แต่ผมยังคิดอะไรไม่ออก ไม่รู้จะช่วยยังไงดี”
“อาว่าอาจะคุยกับหนูมัสลิน เพราะเรื่องทั้งหมดนี้ไม่ใช่ความผิดยัยเดียร์คนเดียว ลำพังยัยเดียร์คงไม่คิดทำร้ายใครได้รุนแรงขนาดนี้ หนูมัสลินเป็นคนจิตใจดี คงเข้าใจ”
“ผมว่าอย่าเพิ่งดีกว่าครับคุณอา ผมเห็นด้วยที่ว่ามัสลินเป็นคนจิตใจดี มัสลินอาจไม่เอาเรื่อง แต่คนที่รักและพร้อมเป็นเดือดเป็นร้อนแทนมัสลินมีอีกหลายคน”
“คุณหมายถึงจิรดา...แม่เขา”
“แล้วยังมีคุณเก๋ นายคิม หรือแม้กระทั่ง...นายกุ ผมไม่แน่ใจว่าพวกเขาจะยอม”
“แล้วคุณคิดว่าพวกเขาจะสืบหาคนทำไหม”
“ผมคงตอบคุณอาไม่ได้ แต่ตอนนี้ทางที่ดีที่สุด เราคงต้องนิ่งแล้วดูเหตุการณ์”
สาวใช้บ้านบัวบงกชแอบฟังการสนทนาเพื่อโทร.รายงานเตช...บัวบงกชจับแขนกานนขอร้อง อย่าเอาเรื่องคลิปไปแพร่งพรายให้ใครรู้อีก กานนกังวลใจว่าเรื่องจะไม่จบแค่นี้
“แต่จะว่ากันตามจริงแล้ว มันก็ไม่ยุติธรรมกับมัสลินเลย”
“อารู้...อาไม่ได้สบายใจ เรื่องนี้มันหนักสำหรับอา หนักเสียยิ่งกว่าหนัก”
เสียงบัวบงกชเครือ กานนตกใจรีบขอโทษ ไม่ได้ตั้งใจจะพูดกระทบ เธอส่ายหน้ารำพึง
“ไม่ใช่หรอกค่ะ คุณไม่มีวันเข้าใจความรู้สึกของอาหรอก ไม่มีใครสักคน...”
กานนมองบัวบงกชอย่างไม่เข้าใจ
ooooooo
เหนื่อยล้ามาทั้งวัน พอได้อยู่คนเดียว ม่านมัสลินทิ้งตัวลงนอนปล่อยน้ำตาไหลออกมาอย่างสุดกลั้น ไม่นาน เธอก็รู้สึกมีคนอยู่ข้างเตียง เธอพยายามเพ่งมอง แล้วต้องดีใจเมื่อเห็นภาษิตเข้ามานั่งข้างๆลูบผมเธออย่างอ่อนโยน เธอคว้ามือลุกพรวดขึ้นจ้องหน้าภาษิต
“นี่พ่อจริงๆด้วย พ่อ...มัสคิดถึงพ่อ” ม่านมัสลินซุกหน้ากับอกพ่อร้องไห้สะอึกสะอื้น
“พ่อจำไม่ได้ว่าลูกสาวพ่อกลายเป็นคนขี้แยไปตั้งแต่เมื่อไหร่” ภาษิตปาดน้ำตาให้
“ตั้งแต่ที่พ่อทิ้งมัสไป มันมีเรื่องราวมากมายหลายอย่างเกิดขึ้นกับมัส มัสเหนื่อยเหลือเกินค่ะพ่อ มัสไม่รู้ว่าจะผ่านไปได้ยังไง พ่ออยู่กับมัสนะคะ อย่าทิ้งมัสไปอีก”
“พ่อก็นั่งอยู่นี่แล้วไง มัสมีอะไรอยากเล่าให้พ่อฟังไหมล่ะ”
ม่านมัสลินพยักหน้าแล้วเล่าทุกเรื่องให้ภาษิตฟัง เธอได้รับการปลอบโยนจากภาษิตจนเกิดรอยยิ้มจนกลายเป็นหัวเราะ ภาษิตบอกว่าเห็นไหมหัวเราะออกแล้ว
“จริงด้วยสิคะพ่อ นี่มัสหัวเราะได้ยังไง ในเมื่อมัสยังเศร้าอยู่เลย”
“ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจเราเองนะลูก ถ้าลูกคิดว่ามันเศร้า ตัวเองก็เศร้า ถ้าจะไม่เศร้าก็ต้องคิดให้ตัวเองสุข...เท่านั้นเองจริงๆ อย่าบอกเลยว่ายาก ถ้าลูกยังไม่ได้ลองทำ” ภาษิตจับไหล่ลูกสาวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “ต่อแต่นี้ไป คิดแต่สิ่งดีๆนะลูกนะ มันจะทำให้ลูกได้รับสิ่งที่ดีกลับคืบจากทุกคน อย่าติดบ่วงความคับแคบของการคิดร้าย คิดแง่ลบ ที่มันจะนำแต่ความทุกข์ใจมาให้ลูก...แล้วที่สำคัญ ลูกต้องเข้มแข็งนะ รับปากพ่อสิ”
“ค่ะพ่อ....”
“ม่านมัสลิน...พ่อรักหนูนะลูก” ภาษิตดึงม่านมัสลินมากอด
ม่านมัสลินพึมพำว่าตนก็รักพ่อ และแล้วเธอก็สะดุ้งตื่น มองไปรอบห้องไม่มีภาษิต จึงรู้ว่าตนฝันไป เธออยากจะร้องไห้แต่แล้วคำเตือนของพ่อให้เข้มแข็งก็ดังก้องในหู จึงอดกลั้นไว้
ooooooo
ยังต้องการถามอีกหลายเรื่อง กุเทพจึงมาส่งพินสุดาที่บ้านเพื่อพูดคุยในรถ แต่เธอกลับดันให้เขาเข้าไปในบ้าน คะยั้นคะยอให้ดื่มกาแฟ
“กิ๊บผมบอกแล้วไงว่า ผมมาที่นี่ไม่ได้จะมากินกาแฟอะไรของคุณ”
“ใจเย็นก่อนสิคะ กิ๊บก็แค่ดีใจที่วันนี้กุยอมเข้ามาที่บ้านกับกิ๊บ เราจะพูดดีๆกันสักนิดไม่ได้เหรอคะ” พินสุดาเริ่มกระบวนยั่วยวนเล้าโลม
กุเทพปัดมือเธอออก “ผมอยากรู้เรื่องที่คุณพูดกับผมตั้งแต่ที่ร้าน เรื่องคลิปของมัส คุณพูดถึงคุณเดียร์ ผมอยากรู้ว่ามันไปเกี่ยวอะไรกับคุณเดียร์ ทำไมต้องถึงขั้นจะฆ่าตัวตาย”
อารมณ์โกรธของพินสุดาพุ่งพรวด “นังมัสลินมันรู้บ้างมั้ยคะ ว่ากุทำตัวเป็นไอ้โง่ พูดปาวๆใส่กิ๊บอยู่นี่ก็เพื่อมัน”
“พินสุดา...”
“ทำไมคะ...”
“ได้ ในเมื่อคุณไม่บอกผมก็ไม่เป็นไร ผมจะปล่อยให้เป็นหน้าที่ของตำรวจ” กุเทพจะกลับ
พินสุดารีบเปลี่ยนน้ำเสียง ยื้อให้เขาดื่มกาแฟที่ตนแอบใส่ยานอนหลับลงไป แต่กุเทพเหมือนรู้ทันดึงดันจะกลับ พินสุดาโวยวายว่าแค่ทำดีกับตนบ้างไม่ได้เชียวหรือ กุเทพส่ายหน้าเดินหนี พินสุดากันจึงทำให้ถ้วยกาแฟในมือกระฉอกรดเสื้อกุเทพ เธอตกใจรีบถามว่าร้อนไหม
“กิ๊บไม่ได้ตั้งใจ ถอดเสื้อออกก่อนนะคะ”
“ปล่อยผม” กุเทพปัดมือพินสุดาให้พอเถอะ เขาจะกลับ
พินสุดาดึงเขามาที่ห้องน้ำแกล้งเอาน้ำล้างจนเปียกโชก แล้วทำเป็นตกใจจะเอาเสื้อน้องชายมาให้เปลี่ยน กุเทพฮึดฮัดอยู่ในห้องน้ำ เผอิญศิธาเข้ามาเจอพินสุดาถือเสื้อออกมาจากห้อง ก็ต่อว่าตนโทร.มาทำไมไม่รับสาย พินสุดาทำท่าให้เบาเสียงแต่ศิธาไม่สนใจ กุเทพได้ยินเงี่ยหูฟัง
ศิธาโวย “อะไรของพี่เนี่ย รู้บ้างไหมว่าที่สตูฯผมมันวุ่นวายแค่ไหน ลูกน้องผมมันบอกว่ามีคนบุกเข้าไปค้นเทปให้วุ่น”
“นี่เธอเลิกโวยวายได้มั้ย” พินสุดาเหลือบมองไปทางห้องน้ำ
ศิธาไม่สนใจยังโวยวาย “นี่มันเรื่องไม่เป็นเรื่องแท้ๆไม่เกี่ยวกับผมเลย บอกไว้ก่อนเลยนะพี่กิ๊บ ถ้าเรื่องคลิปมันแดงขึ้นมา พี่กับโก้จะต้องเป็นคนรับผิดชอบเรื่องทั้งหมด ผมไม่เอาด้วยแล้วนะ ยิ่งถ้ารู้ถึงหูป๊าผมขึ้นมา ผมตายแน่”
กุเทพปะติดปะต่อเรื่องราวได้ ก้าวออกมา “ฉันว่าแล้วว่าเรื่องนี้มันเกี่ยวข้องกับพวกแก”
พินสุดารีบกลบเกลื่อนไม่มีอะไรแล้วส่งเสื้อให้ กุเทพปัดออกชี้หน้าศิธา เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่าทำร้ายผู้หญิง พินสุดาดันกุเทพให้กลับไปก่อน กุเทพจ้องศิธาอย่างเอาเรื่อง ให้จำไว้ว่าเรื่องนี้เขาไม่ปล่อยไว้แน่ ศิธาโมโหกระชากไหล่กุเทพหันมาแล้วชกเข้าที่ปาก กุเทพเซไป พอตั้งหลักได้ชกกลับทันทีพินสุดาร้องห้าม พีระพลตามเข้ามาเห็นสองคนมะรุมมะตุ้มกันอยู่ก็คว้าแจกันฟาดหัวกุเทพเลือดอาบ พินสุดาตกใจ
“ไอ้โก้นี่แกทำอย่างนี้กับกุได้ยังไง เดี๋ยวนะฉันจะกลับมาจัดการกับพวกแก” พินสุดาประคองกุเทพจะไปหาหมอ พีระพลส่งเสียงตกใจกับอาการศิธาที่ปากแตกหน้าปูด
ออกมาหน้าบ้าน กุเทพสะบัดตัวออกจากพินสุดาตวาดใส่ “เลิกยุ่งกับผมซะที กลับไปอยู่กับพวกเลวๆของคุณเถอะไป”
กุเทพโซเซไปขึ้นรถ พินสุดาโกรธตะโกนไล่หลัง “ถ้าเปลี่ยนจากกิ๊บเป็นนังมัสลิน กุคงไม่ไล่เหมือนหมูเหมือนหมาอย่างนี้สินะ กุรักมันมากขนาดยอมเจ็บตัวเพื่อมันอย่างนี้เลยเหรอ”
“ผมคงไม่เลวพอที่จะทนดูผู้หญิงคนหนึ่งถูกผู้ชายรุมรังแกหรอก ไม่ใช่แค่มัสลินนะที่ผมจะช่วย แต่เป็นผู้หญิงทั้งโลก ยกเว้นคุณ”
“รวมถึงนังเดียร์นังคุณหนูปัญญาอ่อนนั่นด้วยใช่ไหม” พินสุดาตัวสั่นเทาด้วยความแค้น
“คุณเดียร์เป็นเพื่อนคุณแท้ๆนะกิ๊บ...คุณนี่มัน...”
“หึ กิ๊บรู้แล้วล่ะที่คุณทำนี่ ถ้าไม่ใช่เพื่อมัสลินก็ต้องนังเดียร์ บอกมาสิว่าไม่ใช่”
กุเทพมองพินสุดาอย่างเกลียดชัง ก่อนทิ้งประโยคสุดท้ายว่าแล้วแต่จะคิด เขาขึ้นรถขับออกไป พินสุดาร้องกรี๊ดๆวิ่งตามทุบกระโปรงรถจนเสียหลักล้มลงอย่างเจ็บแค้น
ooooooo
   

กลับมาด้วยสภาพมีผ้าปิดแผลที่หัว เสื้อผ้าเปรอะเลือดและคราบกาแฟ กุเทพมาเคาะประตูห้องกานน กานนตกใจเมื่อเห็นสภาพหลาน “นายกุ นี่แกไปโดนอะไรมา”
“อย่าเพิ่งถามนะอาปลิว ขอผมเข้าไปข้างในก่อน เดี๋ยวจะเล่าให้ฟัง”
สองอาหลานคุยกันเคร่งเครียด กานนถาม “แล้วแกรู้มั้ยว่าไอ้ศิธามันหมายถึงใครที่ว่าบุกไปรื้อสตูฯแล้วถูกจับได้น่ะ”
“ผมใจร้อนไปเอง ถ้าอดทนฟังมันอีกสักนิดคงรู้” กุเทพรู้สึกผิด
กานนครุ่นคิด คนที่จะยอมเสี่ยงอันตรายขนาดนั้นเพื่อม่านมัสลินจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่คิม กุเทพตกใจ ถึงจะเป็นคู่แข่งแต่เขาก็ไม่คิดอยากให้เป็นอะไร กานนนึกถึงวันที่ม่านมัสลินมาชวนเขาไปบ้านเก่า เพราะคิมไม่ว่าง ต้องเป็นคิมแน่ๆ...
ขณะเดียวกัน ดุสิตหงุดหงิดงุ่นง่านที่คิมยังไม่กลับมาเสียที ไม่ทันไร ลูกน้องเอาซองใส่เทปมายื่นให้ บอกว่ามีแท็กซี่เอามาให้ ย้ำว่าให้คนที่ชื่อดุสิตเท่านั้น มาจากคิมแล้วขับออกไปเลย ดุสิตต่อว่าลูกน้องที่ไม่ถามชื่อหรือจำเลขทะเบียนรถไว้ ลูกน้องอีกคนหน้าตื่นเข้ามารายงาน
“ไม่ได้เรื่องนายคิมเลยครับนาย สัญญาณโทรศัพท์จับได้ครั้งสุดท้ายที่สตูดิโอที่นายบอกนั่นละครับ”
ดุสิตหน้าเสีย รีบเอาเทปมาเปิดดู เกวลินถือถุงอาหารโผล่เข้ามาเซอร์ไพรส์ ว่าตนออกจากโรงพยาบาลแล้ว ดุสิตตกใจ ขอร้องให้กลับบ้านไปก่อน เกวลินไม่โกรธกลับหัวเราะ ดุสิตรู้สึกเป็นห่วงจึงจะขับรถไปส่งบ้าน แต่เธอปฏิเสธ กระซิบบอกว่าตนจะไปเซอร์ไพรส์ศิธาอีกคน ดุสิตตาโพลงรีบห้าม
“ไม่ได้ ไม่ให้ไป กลับบ้านเท่านั้น เดี๋ยวฉันไปส่ง”
“อะไรของแกวะ ก็บอกแล้วยังไม่กลับ วันนี้แกดูแปลกๆไปนะสิต มีอะไรให้เล่ามาเดี๋ยวนี้เลย รึว่ามีอะไรเกี่ยวกับฉัน”
ดุสิตโบกมือไม่มี เกวลินจึงโบกมือบายจะไปหาศิธา ดุสิตทนไม่ไหวโพล่งออกมา
“ไอ้เก๋...เลิกโง่ได้แล้ว ก็ที่แกเดินกะเผลกอยู่อย่างนี้ก็ฝีมือไอ้ศิธานั่นแหละ”
“แกว่าไงนะ” เกวลินชะงักค่อยๆหันมาถาม
ดุสิตสีหน้าวุ่นวายใจ เกวลินถามย้ำ ดุสิตเอามือตบปากตัวเองว่าตนโกหกไม่อยากให้เธอไป เกวลินจ้องหน้าดุสิตอย่างคาดคั้นจะเอาคำตอบ
“ศิธาไม่เคยมาเยี่ยมฉันที่โรงพยาบาลเลยสักครั้งเดียว บอกแต่ว่าอยู่เมืองนอก...สิตา ถ้าแกคิดว่าแกเป็นเพื่อนฉัน เล่าความจริงทั้งหมดมาเดี๋ยวนี้เลย” เกวลินน้ำตาไหลอาบแก้ม
ดุสิตลังเลใจจะทำอย่างไรดี ตัดสินใจเล่าให้ฟัง
ooooooo
พินสุดากลับมาเล่นงานน้องชาย พีระพลโวยกลับว่ากุเทพทำร้ายศิธา ศิธาแค้นบอกจะไม่ปล่อยกุเทพไว้แน่ พินสุดาเอ็ดว่าเจ๊ากันเพราะเจ็บทั้งสองคน ถ้ายังราวีกุเทพ ตนจะฟ้องศักดาพ่อเขาให้หมดว่าทำเรื่องอะไรไว้บ้าง พีระพลหาว่าพี่สาวพาลใหญ่แล้ว พินสุดายังบอกว่าอะไรที่ให้ตนปิด ตนจะบอกพีระพลให้หมด
“ห...หา ว่าไงนะ ศิธามีอะไรปิดโก้อีกงั้นเหรอ”
ศิธาโกรธ ปึงปังจะกลับไป พีระพลตามแต่พินสุดาดึงไว้ให้เล่ามาว่าเกิดอะไรขึ้นที่สตูฯ และใครที่เข้าไปขโมยเทป พีระพลตอบว่าคิม พินสุดานึกว่าคนไหน
“คิม ลี หุ้นส่วนฝั่งฮ่องกงของป๊าศิธา มันควงอยู่กับนังมัสลิน ก็คงเป็นเดือดเป็นแค้นแทนกันนั่นแหละ ลูกน้องศิธาเลยจัดการซะ”
พินสุดาถามอย่างร้อนรนว่าจัดการอย่างไร พีระพลตอบว่าอย่างที่รู้ๆ ศิธาออกตัวว่าเขากับพีระพลอยู่โซลกลับมาไม่ทัน พินสุดาใจหาย เมื่อมีความเป็นความตายเข้ามาเกี่ยวข้อง...
รู้เรื่องจากดุสิตแล้ว เกวลินตรงมาหาม่านมัสลิน เธอตกใจคิดว่าเกวลินหนีออกมาจากโรงพยาบาล เกวลินว่าตนหายแล้ว
“เอาเถอะๆยังไงพี่ก็ยืนอยู่นี่แล้ว ถ้ารู้ว่าพี่มานี่เรื่องอะไร มัสจะพูดไม่ออก...ล่าสุดเธอได้เจอหรือได้คุยกับคุณคิมเมื่อไหร่”

   

อ่านบทละคร ในรอยรัก ตอนที่ 9

เสียงเจ้าสัวทำให้ย้งรู้สึกตัว ย้งตัวเกร็งพยายามจะพูดกับเจ้าสัว พยาบาลเข้ามาบอกว่ามีญาติคนไข้มาเยี่ยม เจ้าสัวดีใจมองหาอยู่ไหน พยาบาลตอบว่ากำลังเปลี่ยนเสื้ออยู่ เจ้าสัวรออย่างใจระทึก ญาติที่เข้ามาเป็นปิ่น เจ้าสัวมองอย่างครุ่นคิดว่าเคยรู้จักมาก่อนหรือเปล่า ปิ่นกลับถามเจ้าสัวว่าเป็นญาติของย้งหรือ เจ้าสัวร้องเอ๊ะ...ต่างก็คิดว่าอีกฝ่ายเป็นญาติ
ม่านมัสลินยังต้องการไปที่บ้านเก่า แต่เกรงว่าจะพูดกับแปะไม่รู้เรื่อง คิมก็ไม่ว่างจึงตัดสินใจมาหากานนที่บริษัท เธอโทร.ขึ้นไปหาเขาเพื่อบอกว่าตนอยู่หน้าบริษัท กานนกำลังวุ่นกับการสั่งงานเลขาฯเพื่อจะไปตามเจ้าสัวแล้วรีบกลับมาประชุมอีก จึงให้เลขาฯช่วยรับแทน พอเลขาฯเอ่ยชื่อม่านมัสลิน กานนก็ทิ้งทุกอย่างคว้าโทรศัพท์มาพูดทันที
กานนให้ม่านมัสลินขึ้นมาพบเขา เขาดีใจมาก เธอเปิดประเด็นทันทีว่าที่มานี่เพื่อจะถาม
“คุณพูดภาษาจีนได้มั้ย” เห็นกานนหัวเราะก็ไม่พอใจ “ขำอะไร...”
“ไม่ได้ขำ แต่แค่งงว่าคุณอ้ำๆอึ้งๆอุตส่าห์ขับรถมาหาผมถึงที่นี่ก็เพื่อจะถามผมเรื่องแค่เนี้ย โทร.ถามเอาก็ได้”
“อ้อ คุณจะว่าฉันทำให้คุณเสียเวลาสินะ” ม่านมัสลินลุกขึ้นจะกลับ
กานนจับมือเธอไว้ “ไม่ใช่ยังงั้น โฮ้ย คุณนี่ชอบตีความคำพูดคนอื่นผิดๆอย่างนี้เสมอเลยรึเปล่า หึ ที่ผมพูดน่ะผมหมายถึงคุณนั่นละที่เป็นฝ่ายเสียเวลามาหาผม”
“ตกลงจะตอบฉันมั้ย ถ้าไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรฉันจะได้กลับ” ม่านมัสลินแกะมือเขา
กานนยื้อไว้ให้บอกก่อนว่าถามทำไม ม่านมัสลินตาเขียวใส่ กานนจำยอม รับว่าเขาพูดจีนได้มีอะไรหรือ ม่านมัสลินอ่อนลงบอกว่าเรื่องคุณตาของตน กานนกระตือรือร้นทันที
“ผมคิดว่าคุณจะลืมไปซะแล้ว”
“ฉันจะลืมได้ยังไง ในเมื่อมันเป็นเรื่องของครอบครัวฉันแท้ๆ”
“ผมหมายถึงว่าที่ผมเคยเสนอตัวจะช่วยคุณเรื่องนี้ แต่คุณก็ดูจะเฉยๆ”
“อันที่จริงฉันก็ยังยืนยันเจตนาเดิมนั่นแหละ ฉันไม่อยากเอาตัวมาใกล้คุณให้มันเกิดปัญหา แต่ที่มาที่นี่ก็เพราะคุณคิมเขาไม่ว่างช่วยฉันเหมือนคราวก่อน”
“อ้อ ผมเลยกลายเป็นตัวสำรองว่างั้น”
ม่านมัสลินค้อนอยากคิดอย่างนั้นก็ตามใจ กานนยกมือสงบศึกยอมรับว่าเถียงกับเธอก็มีแต่แพ้ ม่านมัสลินเล่าถึงวันที่ตนไปบ้านหลังนั้น แล้วโดนแปะไล่ออกมา กานนนึกขำเกทับว่าทีหลังไม่ต้องไปให้คิมช่วย ม่านมัสลินยิ้มยื่นมือไปสัญญาว่าเรื่องย่าเล็กของเขาตนจะช่วยเช่นกัน กานนจับมือเธอเชกแฮนด์แล้วพูดภาษาจีนว่า...หว่ออ๊ายหนี่...ม่านมัสลินทำหน้าเหวอ
“ก็นี่ไงผมพูดภาษาจีนให้ฟัง อยากรู้มั้ยแปลว่าอะไร”
ม่านมัสลินส่ายหน้าอมยิ้มเพราะรู้อยู่แล้ว ทั้งสองสบตา กุมมือกันด้วยความรัก พลันอุษยาเปิดประตูเข้ามาเห็นภาพนั้นคาตาก็โวยลั่น สองคนผละออกจากกัน อุษยาจ้องม่านมัสลิน
“คิดว่าตัวเองเป็นใครถึงกล้ามาเหยียบที่นี่ อยากลองดีกับฉันใช่มั้ย”
ม่านมัสลินไม่อยากมีเรื่องขอตัวกลับ เผอิญมือถือดัง อุษยายังด่าปาวๆ ม่านมัสลินมองมือถือเห็นชื่อแม่ก็ตัดสายแต่สายไม่หลุด เสียงด่าของอุษยาจึงดังเข้าไป จิรดาตกใจได้ยินเต็มหู
“คงคิดว่าตัวเองเก่งซะเต็มประดา นอกจากจะชั้นต่ำแล้วยังโรคจิต คิดเหรอว่าไอ้แผนละโมบจะรวบทั้งอาทั้งหลานของเธอมันจะสำเร็จ คงได้วิชาต่ำๆมาจากแม่เธอสินะ”
กานนปรามอุษยาอธิบายว่าม่านมัสลินมาที่นี่เพราะมีธุระกับเขา อุษยาเอ็ดตะโรว่าแล้วกานนต้องไปกับมันหรือ ทิ้งเรื่องที่โรงพยาบาลและการประชุมหมดเพราะแม่คนนี้หรือ กานนโอบอุษยาให้นั่งลงแล้วส่งสายตาให้ม่านมัสลินออกไปก่อน อุษยาโวยไล่หลังว่าตนยังด่าไม่จบให้กลับมา แล้วหันมาเล่นงานกานนเห็นผู้หญิงอื่นดีกว่าตนที่เลี้ยงเขามาเป็นยิ่งกว่าแม่
จิรดาเดือดปุดๆที่ได้ยินเสียงด่าม่านมัสลินและกระทบถึงตนด้วย...

   
ooooooo
คิมนั่งรถแท็กซี่มาที่สตูดิโอของศิธา มีการ์ดหน้าดุคุมอยู่สามสี่คน เขาวางท่าเดินเข้าไปเพราะเขาก็เป็นหุ้นส่วนคนหนึ่งที่มีสิทธิ์เข้าไปได้ เผอิญการ์ดคนหนึ่งจำคิมได้ เพราะตอนมาทำงานใหม่ๆคิมเคยสอนภาษาจีนให้เขาแลกกับให้เขาสอนภาษาไทยคืน ดุสิตโทร.เข้ามาถามอย่างเป็นห่วง คิมบอกว่าเขาผ่านเข้ามาได้แล้วกำลังจะไปที่ห้องตัดต่อซึ่งเก็บเทปไว้มากมาย
ขณะที่คิมเลือกเทปเปิดดูไปหลายเทป ดุสิตโทร.เข้ามาอีก คิมบ่นว่าทำให้เขาเสียเวลา ดุสิตเป็นห่วงบอกคิมไม่ให้วางสาย ให้เขาได้รับรู้ว่าเป็นอย่างไรบ้างจนกว่าคิมจะกลับออกมา พลันคิมก็สะดุดตากับเทปม้วนหนึ่งเป็นหนังแอ็กชั่น แต่ภาพตอนหนึ่งและแบ็กกราวนด์เหมือนในคลิป เพียงแต่ผู้หญิงที่หน้าไม่เหมือนม่านมัสลิน คิมร้องว่าเจอแล้ว เขารีบดึงเทปมาสอดในเสื้อ แล้วรีบกลับออกไป ระหว่างนั้นการ์ดข้างนอกเริ่มสงสัยที่เขาหายเข้ามานาน ตามเข้ามาดู คิมออกไปขึ้นแท็กซี่คันที่ให้จอดรอได้ทัน คิมบอกดุสิตว่าเขาออกมาแล้วและวางสาย
แต่ไม่ทันที่รถจะเคลื่อนออกนอกบริษัท ชายฉกรรจ์หลายคนก็มายืนขวาง โชเฟอร์ตกใจถามคิมจะให้เขาทำอย่างไร คิมเอาเทปออกมาซ่อนใต้เบาะรถ สั่งโชเฟอร์
“ไปจากที่นี่ กลับไปที่เดิมที่คุณรับผมมา แล้วเอาของใต้เบาะให้กับคนชื่อดุสิต จำชื่อไว้นะ ชื่อดุสิต คนเดียวเท่านั้น” คิมสั่งเสร็จก็เปิดประตูรถลงไปท่ามกลางวงล้อมชายฉกรรจ์เหล่านั้น
ooooooo

ทั้งพัดและแป้นได้ยินเสียงด่าว่าของอุษยาทางโทรศัพท์ ทั้งสองรอม่านมัสลินกลับมาเห็นเธออ่อนเพลียล้มตัวลงนอนที่โซฟา ต่างก็รีบหาน้ำมาเสิร์ฟ ผ้าเย็นมาให้และนั่งพัดวีให้ ม่านมัสลินแปลกใจเกิดอะไรขึ้น แป้นอดไม่ได้ สาธยายหมดเปลือกแถมบอกว่าจิรดาออกไปเอาเรื่อง
ม่านมัสลินตกใจคว้ามือถือมากด แต่จิรดาปิดเครื่อง เธอร้อนใจจะออกไปตาม กุเทพโทร.เข้ามาพอดี ได้ยินน้ำเสียงม่านมัสลินตื่นเต้นจึงกระเซ้า

“อย่าบอกนะว่ากำลังคิดถึงพี่อยู่เลยตื่นเต้นที่พี่โทร.มา ฮ่ะๆแต่แหมใจตรงกันทั้งคุณแม่คุณลูกเลยนะเนี่ย”

“พี่กุหมายความว่ายังไงคะ ทั้งแม่ทั้งลูก”

“ก็พี่จะโทร.มาถามมัสเนี่ยแหละว่าล่าสุดได้คุยกับคุณแม่เมื่อไหร่ ไม่รู้ป่านนี้ถึงบ้านพี่หรือยัง โทร.ไปก็ติดต่อไม่ได้”

“บ้านพี่กุ...แม่มัสเนี่ยนะคะกำลังไปบ้านพี่กุ”

“ใช่ คุณแม่มัสโทร.มาถามทางไปบ้านพี่ เห็นว่าซื้อแกงทวายชาววังมาก็เลยจะแวะเอาเข้าไปฝากไว้ให้พี่”

ม่านมัสลินตั้งสติได้รีบบอกกุเทพแค่นี้ก่อนนะ แล้วควานหากุญแจรถจนต้องเททั้งกระเป๋าออกมา พัดช่วยหยิบกุญแจรถส่งให้ เธอลนลานออกไปอย่างเร่งรีบ...

บ้านรัตนรัช จิรดาถือถุงแกงเดินเข้ามายืนอยู่กลางห้องโถง มองไปรอบๆอย่างตื่นตาตื่นใจในความโอ่โถง จิรดา

บอกแม่บ้านว่าคุ้นเคยกับคนที่นี่ดี มาขอพบอุษยา แม่บ้านไปตามอุษยาลงมา อุษยามองจิรดาหัวจดเท้า ว่าเคยรู้จักกันมาเมื่อไหร่ ก่อนจะถามว่ามาพบตนหรือ

“แล้วคุณใช่คุณอาหญิงของคุณกานนมั้ยล่ะ” จิรดาถามอย่างไม่หวั่นเกรง

“ฉันนี่ละอุษยา เป็นอาของกานน คุณมีธุระอะไร แล้วคุณเป็นใคร”

“อ้อ งั้นก็ถูกคนล่ะ ไม่ต้องมารู้หรอกว่าฉันเป็นใคร ฉันแค่จะมาดูน้ำหน้าของนังพวกคนชั้นสูงที่จิตใจต่ำ แล้วก็ชอบเที่ยวไปด่าว่าคนอื่น เพราะนึกว่าเขาจะต่ำเหมือนตัวก็แค่นั้น”

อุษยาเต้นผางชี้หน้า “เธอเป็นใคร กล้าดียังไงเข้ามาบ้านฉัน แล้วมาด่าใส่หน้าฉันเนี่ย”

“กล้าแบบไหนไม่รู้ รู้แต่ว่าวันนี้จะตบปากสั่งสอนผู้ดีปากบอนที่เที่ยวด่าฉันทั้งที่ไม่เคยรู้จัก ไม่เคยเห็นหน้ากันมาก่อน แกด่าฉันว่าใช้ชีวิตต่ำๆ สอนลูกให้ไล่จับผู้ชายใช่มั้ย”

อุษยาพยายามปะติดปะต่อแล้วสะดุ้งเฮือก “อ้อ ที่แท้เธอก็เป็นแม่นังมัสลินผู้หญิงหยำฉ่าหึ...ไม่น่าต้องคิดนานเลย บุคลิกต่ำๆแบบนี้คงไม่มีใคร แม่ต่ำได้ขนาดนี้นี่เอง ลูกถึงได้ขนาดนั้น”

จิรดาพุ่งเข้าใส่อุษยา แม่บ้านมาขวาง จิรดาโวยให้ ตัวต่อตัว เจ้าสัวเดินเข้ามาพร้อมกานนแปลกใจว่าเกิดอะไรขึ้น อุษยาสั่งกานนเรียกคนมาลากตัวจิรดาออกไป กานนตั้งสติได้ยกมือไหว้จิรดา อุษยาโวยวายที่ไปนับญาติด้วย ไล่ตะเพิดให้จิรดาออกไป เจ้าสัวสวนขึ้นทันควัน

“เฮ้ย ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคน ตะโกนข้ามหัวกันอย่างนี้น่ะเรอะ” แล้วหันไปถามจิรดาว่ามีอะไรให้เล่าให้ฟังหน่อย

จิรดาถึงกับงงงันที่เจ้าสัวไม่เข้าข้างลูกตัว...จิรดาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้น ว่าอุษยามาด่าตนทั้งที่ไม่เคยรู้จักกัน อุษยาโวยวายอย่าไปฟัง เจ้าสัวหันไปเอ็ดว่าอยากมีเรื่องกับตนด้วยหรือ อุษยากรี๊ด

“เป็นบ้ากันไปหมดแล้ว ถูกหน้าถูกชะตากันนักไม่ชวนให้อยู่ด้วยกันซะเลยล่ะ อ๊าย...ฉันอยากจะบ้า” พูดจบสะบัดหน้าจะไป เจอม่านมัสลินเข้ามาก็กรี๊ดอีกหน “นี่พวกแก เดี๋ยวนี้คิดจะเข้านอกออกในบ้านฉันก็ทำได้ตามอำเภอใจเลยใช่มั้ย ว่าแล้วยังทำยืนเฉย หลีกไป๊”

อุษยากระแทกไหล่ม่านมัสลินไป ม่านมัสลินวิ่งเข้าหาจิรดา กานนรีบบอกว่าไม่มีอะไรรุนแรงอย่างที่เธอคิด เจ้าสัวรับรองว่าตนอยู่ทั้งคน ไม่มีใครทำอะไรแม่เธอได้ ม่านมัสลินงง ยกมือไหว้เจ้าสัว จิรดาชวนเธอกลับแล้วสวัสดีลาเจ้าสัว

“คุณจิรดาคุยสนุกดี ว่างก็เชิญที่บ้านอีกนะครับ” เจ้าสัวยิ้มต้อนรับ

กานนทำหน้างงกับคำชมประหลาดๆของเจ้าสัว จิรดาตอบว่า ตนคงไม่มาอีกแล้ว ขอบคุณที่เมตตา ม่านมัสลินกับกานนมองหน้ากันงงๆไม่เข้าใจว่าสองคนเข้ากันได้อย่างไร

ooooooo

กุเทพเช็กสต๊อกอยู่กับลูกน้องที่ร้านเพชร สั่งลูกน้องเสร็จแล้วให้ปิดร้าน จัดการสรุปยอดของเดือนนี้ให้เสร็จคืนนี้ แล้วนึกได้ถามลูกน้องว่าสองสามวัน มานี่ พินสุดาเข้าร้านบ้างหรือเปล่าขาดคำ พินสุดาพรวดพราดหน้าตื่นเข้ามา กุเทพถามรู้ด้วยหรือว่าเขากำลังตามตัวอยู่

“กุรู้เรื่องยัยเดียร์แล้วเหรอ” พินสุดาย้อนถาม

กุเทพรีบถามว่าเกิดอะไรกับมธุริน พินสุดาดึงกุเทพออกมาห่างจากลูกน้องแล้วจึงบอกว่า มธุรินหายตัวไป กุเทพไม่เชื่อกลับย้อนว่าให้ระวังตัวไว้ เรื่องคลิป ต้นสังกัดกำลังจะดำเนินคดี

“ก็เรื่องนี้นั่นล่ะ ที่ทำให้ยัยเดียร์หายหน้าไปอย่างนี้ แล้วก็พูดว่าจะฆ่าตัวตาย”

กุเทพจะแย้ง พินสุดาเอามือถือมาเปิดเสียงมธุรินฝากข้อความ “กิ๊บทำไมเธอไม่รับสายฉัน ฉันทนไม่ไหวแล้วกิ๊บ ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยว่าฉันทำอะไรลงไป ฉันจะมีหน้าอยู่ในสังคมนี้ต่อไปได้ยังไงถ้าคนเขารู้ว่า...ว่าเรื่องทั้งหมดมัน...”สัญญาณตัดไป

กุเทพตะลึงหาว่าพินสุดาโกหก เธอโอดโอยว่าได้ยินเต็มสองหูยังไม่เชื่อ กุเทพชั่งใจก่อนจะลุกพรวดออกไป พินสุดา ตามออกมาเปิดประตูขึ้นไปนั่งคู่ในรถ กุเทพไล่ให้ลงไป

“ถ้ากิ๊บลงแล้วกุรู้เหรอคะว่าจะไปตามยัยเดียร์ได้ที่ไหน” พินสุดาลอยหน้าลอยตา

กุเทพข่มอารมณ์ถามว่าเธอรู้หรือ พินสุดาว่าในโลกนี้ มธุรินคบกับใครบ้างมีแต่ตนที่รู้ กุเทพให้บอกมาให้หมด

พินสุดาทำเชิดจะลงจากรถ กุเทพจำต้องกดล็อกประตูและให้บอกทางไป

สองแม่ลูกพากันมาบ้านสวน จิรดาจัดแจงเอาแกงที่ซื้อไปฝากกุเทพใส่จานตั้งโต๊ะ

“แกงชาววัง อร่อยนะ แม่กินสิ”

ม่านมุกแปลกใจที่วันนี้ซื้อของมาฝาก จิรดาบอกทานไปอย่าถามมาก ตนกำลังอารมณ์ดี

“ไม่ต้องถึงกับบังคับกันหรอก ที่แม่ถามน่ะก็เพราะดีใจ นานๆจะเห็นแม่ดาซื้ออะไรมาให้แม่ซะที ขอบใจนะลูก แกงนี่เขาเรียกแกงทวายชาววัง หาทานยากนะ ถ้าแม่ดาน่ารักยังงี้ทุกวันแม่คงสบายใจ ขอบใจนะลูกนะ”

จิรดาเริ่มเก้อเขิน “ขอบอกขอบใจอะไรกันนักหนาแม่ อ้ะ...หนูจะบอกความจริงให้ก็ได้ว่าจริงๆแล้วน่ะหนูก็แค่เอาแกงมาบังหน้าเล่นงานคนเท่านั้นแหละแม่ จัดการเขาเสร็จจะทิ้งไว้ให้เขากินก็เสียดาย ของดีๆเลยสั่งนังมัสให้หยิบออกมาด้วย”

ม่านมุกตกใจว่าไปเล่นงานใครมา แล้วเกี่ยวอะไรกับม่านมัสลินด้วย จิรดาบ่นเรื่องมันยาวแล้วสาธยายให้ฟัง ตนไม่คิดว่าจะเจอเจ้าสัวและกานน ม่านมุกยิ่งตกใจถามไม่ถูกรุมแย่หรือ

“ที่ไหนได้ล่ะแม่ หนูก็งงเหมือนกันนะ นึกว่าเขาโผล่มาแล้วจะเข้าข้างลูกสาวเขา นี่กลับกลายเป็นมาเข้าข้างคนอื่นอย่างหนู แล้วก็ช่วยหนูสมทบด่ายัยอาหญิงอะไรนั่นซะอีก เล่นเอาสะบัดก้นออกไปไม่ทันเลย สมน้ำหน้า”

“อืม ท่านน่าจะเป็นคนที่ยุติธรรมพอสมควรทีเดียวนะคุณเจ้าสัวเนี่ย ว่าแต่เราคราวหลังมีเรื่องมีราวหัดปล่อยๆมันไปซะบ้าง ไปบุกบ้านคนอื่นเขาแบบนี้มันอันตราย”

ม่านมัสลินยิ้มเข้ามากอดม่านมุก “วันนี้ผู้จัดการมัสทำงานดีมากเลยค่ะคุณยาย ไปเล่นงานคนแทนมัสซะอยู่หมัดเลย”

“พอกันเลยแม่ลูกน่าหยิกนักเชียวนะยัยมัส ไม่เอาลูกอย่าทำตัวนักเลงแบบนี้ไม่น่ารักเลย”

จิรดาโวยเล็กๆว่าแม่ดุต่อหน้าลูกแบบนี้ ลูกที่ไหนจะเคารพแม่ ม่านมุกหัวเราะสอนว่า คนเราจะน่าเคารพหรือไม่อยู่ที่การทำตัว พลันโทรศัพท์บ้านดังขึ้นขัดจังหวะ จิรดาร้อง โอว...ขอบคุณที่ระฆังช่วย แล้วขอตัวไปรับสาย ม่านมุกส่ายหน้ายิ้มๆไม่ทันไร จิรดาหันมาบอกทั้งสองคนว่า ทางโรงพยาบาลโทร.มาบอกว่าย้งอาการทรุดหนัก ม่านมุกถึงกับเข่าอ่อน

ooooooo
   


เจ้าสัวจัดการให้คนมาเปลี่ยนเครื่องโทรศัพท์ในบ้านทั้งหมด และสั่งคนเฝ้าทุกเบอร์ไว้ อุษยาไม่พอใจเอะอะใส่คนงานที่มายกโทรศัพท์ที่ตนซื้อหามาออก กานนต้องมาไกล่เกลี่ยว่าเป็นคำสั่งเจ้าสัว อุษยาโกรธบอกกานนว่าสักวันตนจะออกไปจากบ้านนี้ เจ้าสัวเข้ามาโวย

“โว้ยจะไปไหนก็ไป ฉันรำคาญเสียงแหลมๆของแกเต็มที”

กานนขอให้สงสารอาหญิงของเขาบ้าง เจ้าสัวว่าจะสงสารทำไม แค่นี้ยังน้อยกว่าที่ทำไว้กับย่าเล็ก กานนโอดโอยว่าเรื่องย่าเล็กอีกแล้ว เขารับปากจะสืบหาให้ได้ เจ้าสัวแปลกใจ ทำไมญาติของย้งไม่โทร.กลับมาหาเขาบ้าง กานนจึงบอกว่า เขาจะไปเขียนโน้ตทิ้งไว้ให้พยาบาล ว่าเราเป็นใครต้องการติดต่อย้งเรื่องอะไร ดีไหม ขอปู่อย่าเครียด...

ม่านมัสลินพาม่านมุกมาดูย้งที่โรงพยาบาล จิรดาตามมาด้วย ม่านมุกเข้ามากุมมือย้งพร่ำบอกอย่าเป็นอะไร เขาต้องหาย แต่ย้งพยายามที่จะพูด ท่าทางเขาเหนื่อยมาก

“เจ้า...สัว...เจ้า สัว ตามหาคุณ...นาย ผมเจอ...เจ้า สัว” อาย้งหอบหายใจแรง เครื่องวัดต่างๆส่งเสียง พยาบาลกับหมอวิ่งเข้ามา เชิญญาติออกไปรอข้างนอก

ม่านมุกร้องไห้สงสารย้ง เวลาผ่านไป หมอออกมาบอกทุกคนว่า คนไข้สิ้นลมแล้ว ม่านมุกทรุดนั่งน้ำตาไหลริน จิรดาแปลกใจทำไมแม่ต้องเสียใจขนาดนี้

ooooooo

กุเทพขับรถมาถึงโรงแรมหรูแห่งหนึ่ง ตามคำบอกของพินสุดา เขาเอะใจว่าเธอจะมาไม้ไหนอีก พินสุดารู้แกวบอกเขาว่า ตนกับมธุรินเป็นเมมเบอร์ที่นี่ด้วยกัน คนอย่างมธุรินไม่มีที่จะไปสักเท่าไหร่หรอก กุเทพจึงยอมขับรถเข้าไปอย่างไม่ค่อยเชื่อนัก

ขณะเดียวกัน บัวบงกชคิดถึงมธุริน เข้ามานอนร้องไห้อยู่ในห้องลูก เตชโผล่เข้ามาเพราะคิดถึงลูกเช่นกัน เตชตำหนิบัวบงกชว่าเป็นแม่แต่ทำไมไม่รู้ว่าลูกหายไปไหน บัวบงกชรู้สึกมึนหัวไม่โต้เถียง เตชจึงอ่อนลงบอกเธอให้เข้าใจเขาหน่อย เขาเป็นห่วงลูกพอๆกับเธอ เตชกดมือถือ

“ผมจะแจ้งตำรวจให้ช่วยตามหา แล้วเดี๋ยวจะโทร.สั่งลูกน้องให้ช่วยกันตามอีกแรง”

บัวบงกชห้ามเกรงเรื่องราวใหญ่โต ตนจะลองโทร.ถามกานนก่อน เตชแย้งว่าเพราะกานนลูกถึงเป็นแบบนี้

“คุณจะคิดยังไงก็สุดแล้วแต่คุณเถอะค่ะ ยังไงยัยเดียร์ก็ลูกฉันทั้งคน ขอฉันจัดการในวิธีของฉันก่อน ถ้ามันไม่ได้เรื่อง คุณจะทำยังไงฉันจะไม่ขัด”
เตชนิ่งไปไม่ตอบอะไร...

ม่านมัสลินขับรถมาส่งจิรดาที่บ้านแล้วจะกลับไปจัดการเรื่องศพของย้งที่โรงพยาบาล จิรดาแสดงความเป็นห่วงเพราะเห็นว่าดึกมากแล้วน่าจะไปจัดการพรุ่งนี้ ม่านมัสลินรู้สึกดีใจที่แม่เป็นห่วง ไม่ทันไร กานนขับรถมาจอดหน้าบ้าน จิรดาหันไปมอง กานนยกมือไหว้ เธอถามทันที

“เรามีธุระอะไรกันหรือเปล่าคะคุณ หรือจะตามมาเอาเรื่องฉันแทนอาของคุณ”

ม่านมัสลินปรามแม่ แล้วถามกานนมีเรื่องอะไรรีบพูดมา ตนมีธุระต้องรีบไป กานนบอกว่าตนมาขอโทษที่อุษยาพูดจารุนแรง ม่านมัสลินตอบว่าไม่เป็นไร ตนโดนด่าจนชินแล้ว จิรดาเปรยว่าถึงตนจะไม่ชินเท่าม่านมัสลิน แต่ก็ไม่ติดใจ แล้วเมินหน้าไปบอกม่านมัสลินให้รีบไปรีบกลับ กานนถามทันทีว่าจะไปไหนเขาอาสาไปส่ง จิรดาพูดประชดลอยๆก่อนจะเดินเข้าบ้านว่า

“บอกจะรับจะส่งเองก็ช่วยรับผิดชอบคำพูดตัวเองดีๆ ด้วยนะ ไม่ใช่เดี๋ยวหลังจากนี้ ใครรู้เข้าก็ปล่อยให้เขามาแหกอกยัยมัสเข้าอีก”

กานนยืนอึ้งก่อนจะบอกม่านมัสลินว่า จิรดาคงโกรธมากแล้วผายมือให้เธอไปขึ้นรถ ม่านมัสลินปฏิเสธไม่อยากโดนอุษยาเล่นงานอีก กานนรับรองว่าจะไม่มีแบบนั้นแน่ ว่าแล้วก็ดันเธอไปขึ้นรถ“ไม่ต้องแต่ วันนี้คุณเหนื่อยมาทั้งวัน ผมขับรถให้คุณ จะได้นั่งพักสบายๆ”...

ระหว่างนั่งมาในรถ กานนถามว่าจะไปโรงพยาบาลทำไม ม่านมัสลินตอบว่าญาติเสียต้องมาจัดการเรื่องค่าใช้จ่าย กานนเอื้อมมือไปกุมมือเธอแสดงความเสียใจ พลัน มือถือเขาดังขึ้น บัวบงกชโทร.มาถามหามธุริน บอกเขาว่าหายตัวไปติดต่อไม่ได้ กานนรับปากจะตามให้ พอวางสายม่านมัสลินเห็นสีหน้าเขาไม่ค่อยดี จึงออกตัว

“ฉันว่า...ฉันลงตรงนี้ดีกว่าค่ะ แท็กซี่เยอะดี คุณจะได้ไปทำธุระของคุณได้สะดวก”

กานนไม่จอดจะไปส่งเธอที่โรงพยาบาลก่อน แต่แล้ว กุเทพโทร.เข้ามา กานนตกใจ “กุ...ว่าไงนะ คุณเดียร์จะฆ่าตัวตาย”

กานนกับม่านมัสลินมองหน้ากันอย่างตกใจ กานนมาถึงโรงแรมให้ม่านมัสลินนั่งรอที่ล็อบบี้ เธอขอไปก่อนแต่เขาไม่ยอม กานนดึงเธอมากอดแนบอกโดยเธอไม่ทันตั้งตัว

“รอผมอยู่นี่นะมัส ผมขอร้องเข้าใจผมนะ เดี๋ยวผมลงมาแล้วจะไปกับคุณที่โรงพยาบาล” กานนไม่รอฟังคำตอบ เขาผละวิ่งไป ปล่อยม่านมัสลินทรุดนั่งอย่างเหนื่อยล้า

กานนวิ่งมาที่ห้องตามที่กุเทพบอก เป็นห้องชุด ได้ยินกุเทพกำลังเคาะประตูห้องนอนเรียกให้มธุรินเปิดประตู พินสุดายืนกอดอกข้างๆเบะปากอย่างหมั่นไส้

“อะไรจะต้องเป็นห่วงกันถึงขนาดนี้ ยัยเดียร์ไม่กล้าทำอะไรรุนแรงหรอก มากที่สุดก็เรียกร้องความสนใจจากอาปลิว ก็เท่านั้น”

“ผมรู้มาตลอดนะ ว่าคุณน่ะแย่แค่ไหน แต่ผมไม่เคยคิดว่าคุณจะแย่ขนาดนี้” กุเทพมองพินสุดาอย่างชิงชัง พินสุดาไม่สะทกสะท้านที่โดนด่าสักนิด กุเทพผิดหวังเธอไม่น่าเป็นเพื่อนมธุริน

“ทำไม...มีคำด่าอะไรแรงๆก็คิดหามาด่าซะตอนนี้เลย ใช่สิฉันก็ฉันมันไม่ใช่ผู้หญิงขยันเรียกร้องความสนใจอย่างยัยเดียร์หรือยัยนางแบบกระจอกนั่นนี่”

“ผมอยากรู้นักว่า ผู้หญิงอย่างคุณจะมีผู้ชายที่ไหนเขาทนคุณได้...” กุเทพพูดไม่ทันจบเสียงกานนร้องเรียก กุเทพจึงขอให้กานนช่วยทำให้มธุรินเปิดประตู กานนพยายามเคาะเรียกและบอกมธุรินว่าให้ออกมาคุยกัน มธุรินได้ยินเสียงกานนก็ดีใจ พินสุดาหมั่นไส้ร้องบอกอย่าเล่นตัวนักเลย ตนรู้ว่าเธอทำเพื่อเรียกร้องความสนใจจากกานนเท่านั้น กุเทพเอ็ดพินสุดาอย่าทำให้แย่ลงไปกว่านี้แล้วไล่ให้กลับไป พินสุดาแหวใส่ว่า ใช่สิ ตนหมดประโยชน์แล้ว เชิญหน้าโง่ให้ผู้หญิงออเซาะต่อไปกันเถอะ พินสุดาสะบัดหน้าออกไป กานนเคาะเรียกให้มธุรินออกมาถ้าไม่เปิดตนจะกลับ มธุรินเปิดประตูออกมาโผกอดกานนร้องไห้โฮ

กานนประคองมธุรินมานั่งแล้วถาม “ร้องไห้ไปก็ไม่ได้ประโยชน์อะไร ช่วยบอกผมได้หรือยังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไมถึงเป็นขนาดนี้”

“เดียร์กลัวค่ะกานน เดียร์ทำผิด คุณแม่ก็ไม่เข้าใจ ไม่มีใครเข้าใจเดียร์ ในโลกนี้จะไม่มีใครเข้าใจเดียร์อีกแล้วใช่ไหมคะกานน เดียร์คงจะไปเจอหน้าใครไม่ได้อีกแล้ว”

กานนตะล่อมถามไปทำอะไรมา เผื่อเขาจะช่วยได้ มธุรินอึกอักๆก่อนจะสารภาพว่า เรื่องคลิปม่านมัสลิน ตนเป็นคนทำ กานนชะงักมองหน้าเธออย่างผิดหวัง ทำให้เธอร้องไห้โฮอีกครั้ง...กุเทพโทรศัพท์บอกบัวบงกชว่าพบตัวมธุรินแล้ว บัวบงกชโล่งอก ขอคุยกับกานน

“ครับคุณอา เรียบร้อยแล้วครับ อีกสักพักผมจะพาคุณเดียร์ไปส่งให้ที่บ้าน...ครับ ครับ ไม่ต้องห่วงครับ สวัสดีครับ” กานนวางสายแล้วหันมาบอกมธุรินให้กลับบ้านกัน

มธุรินขอไม่กลับอยากอยู่กับกานนที่นี่ กานนปลอบว่าเธอโตแล้วต้องมีความรับผิดชอบ กล้ายอมรับเหมือนอย่างที่ยอมรับกับเขา คนอื่นๆก็ต้องเข้าใจและยกโทษให้ มธุรินถามรวมถึงเขาด้วยหรือเปล่า กานนพยักหน้า มธุรินกอดกานนร้องไห้ที่ทำให้ทุกคนผิดหวังในตัวตน

ม่านมัสลินยังนั่งรอกานนอย่างใจจดใจจ่อ พอเห็นลิฟต์เปิดออกก็ลุกขึ้นมอง เห็นกานนประคองมธุรินผ่านไปโดยไม่สังเกตเลยว่าตนอยู่ตรงนี้

ooooooo

เหนื่อยอ่อนกลับมาบ้าน ม่านมัสลินกำลังเดินผ่านห้องจิรดา เห็นประตูแง้มอยู่จึงลอดมองเข้าไป ประตูห้องเปิดอ้า จิรดายืนมองแล้วเรียกให้เธอเข้ามา ม่านมัสลินอึกอักไม่กล้าเข้า  เพราะตลอดชีวิตตนไม่เคยได้เข้าห้องนอนแม่เลย จึงย้อนถามว่าให้ตนเข้าไปจริงหรือ

“ก็ฉันออกมายืนเชิญแกอยู่ตรงนี้แล้วไม่ใช่เหรอ ตามใจนะ จะเก้ๆกังๆอยู่ตรงนี้ก็ตามใจ” จิรดากลับไปนั่งหน้ากระจก ชำเลืองมองแล้วแขวะ “ทำท่ายังกับเดินเข้าห้องดับจิต หือนังมัส”

ม่านมัสลินเดินเข้ามาตัวเกร็งๆ ถามว่ามีอะไรจะใช้ตน จิรดาตอบว่าไม่มี แค่อยากคุยด้วย ม่านมัสลินรีบบอกว่าจะไปรอข้างล่าง จิรดาเอ็ดให้เลิกทำตัวเหมือนตนเป็นตัวประหลาดเสียที

“มัส...มัสไม่เคยอยู่กับแม่...ในห้องแม่”

“นี่ฉันเป็นแม่ที่แย่ขนาดนั้นเลยเหรอเนี่ย แกเป็นลูก แต่ไม่เคยเข้ามาห้องฉัน...ที่เป็นแม่”

“แม่ มัสไม่ได้คิดอะไรเลย มัส...” ม่านมัสลินรีบเข้าปลอบเมื่อเห็นจิรดาเสียงหม่นเศร้าลง

จิรดาฝืนยิ้มเชิดหน้า “ไม่ต้องมาปลอบฉันหรอก ฉันก็ไม่ได้เป็นอะไรเหมือนกัน คนอย่างฉันไม่มีใครอยากเข้าใกล้น่ะถูกแล้ว”

ม่านมัสลินคลายความกังวลลงเมื่อเห็นจิรดายิ้ม แต่พอเธอถามเรื่องย้งเป็นอย่างไรบ้าง ม่านมัสลินก็สลดลงตอบว่า พรุ่งนี้ญาติย้งที่อยู่ทางใต้จะมารับศพ จิรดาอดไม่ได้ที่จะถาม

“ตกลงจะมีใครบอกฉันได้รึยังว่าตาย้งกับยายแก เขาเป็นอะไรกัน”

“แม่...”

“ฉันจะพูดอย่างนี้ล่ะ แกจะทำไม พอกันเลยทั้งบ้าน พ้นจากพ่อแกมาฉันคิดว่าจะจบสิ้นกันซะที ไอ้เรื่องลับลมคมใน ที่ไหนได้ ยายแกก็เอากับเขาเหมือนกัน เกิดมีความลับกับเขาขึ้นมามั่ง”

“ไม่ใช่ยังงั้นหรอกค่ะแม่”

“ความลับ...มันน่าค้นหาพอๆกับที่มันน่ากลัว ฉันคนนึงล่ะที่โดนปั่นหัวซะงง เหมือนตัวตลก ไม่รู้ว่าอะไรจริง อะไรเท็จ... แกอยากรู้เรื่องของฉันกับพ่อแกมั้ย” จิรดาไม่สนใจฟังคำตอบของม่านมัสลิน “พ่อแกหลอกฉันเสียสนิท พอแต่งกันแล้วถึงรู้ว่าเขาลืมผู้หญิงคนนั้นไม่ได้”

“เท่าที่มัสจำได้ พ่อรักและให้เกียรติแม่จะตายไป”

“แกน่ะคิดไปเอง พ่อแกน่ะเคยรักฉันซะที่ไหน โน่น แม่บัวบงกชดาราไฮโซโน่น ที่เขารักนักรักหนา เขารักกันมาก่อนที่จะมาแต่งงานกับฉันเสียอีก” จิรดายิ่งเล่ายิ่งเจ็บช้ำ

หวนนึกถึงอดีตที่ภาษิตเคยซื้อกระเป๋ามาฝากตน วันต่อมา ตนก็ได้เห็นว่าเหมือนกับกระเป๋าของบัวบงกชที่ถือ

ถ่ายลงแมกกาซีน ตนเจ็บช้ำโวยวาย ภาษิตก็โมโหแล้วออกจากบ้านไป ผ่านไประยะหนึ่ง ภาษิตก็อุ้มเด็กทารกและสัมภาระเข้ามาในบ้าน... น้ำตาจิรดารื้นขึ้นมาเมื่อเล่าถึง ม่านมัสลินเห็นแม่นิ่งไป จึงถามทำไมไม่เล่าต่อ เด็กที่พูดถึงอย่างกับไม่ใช่ลูก จิรดาสะดุ้ง

“โฮ้ย...เรื่องเยอะจริง ถ้าแกไม่ใช่ลูกฉันแล้วจะเป็นลูกใคร ฉันก็มีแกเป็นลูกอยู่คนเดียวนี่ล่ะ นังเด็กโง่”
ม่านมัสลินยิ้มอย่างสุขใจ  จิรดาให้ม่านมัสลินไปพักผ่อน แต่อดเตือนทิ้งท้ายไม่ได้ว่า
“แล้วก็เรื่องความรักน่ะ ระวังๆยั้งๆใจตัวเองไว้บ้าง อย่าไปหวังอะไรมากกับเรื่องแบบนี้”
ม่านมัสลินชะงักแววตาสลดลงนึกถึงที่โรงแรม ภาพกานนประคองมธุรินผ่านหน้าตนไปเหมือนเขาได้เลือกแล้ว ม่านมัสลินสะบัดหน้าไปมา บอกแม่ว่าตนไม่เป็นอะไร จิรดารู้ทันดักคอ
“โกหกคนอื่นไปเถอะย่ะ ยังไงฉันก็เลี้ยงแกมา คิดเหรอว่าฉันไม่รู้ว่าแกรู้สึกอะไรยังไง...นังมธุรินคุณหนูมหาประลัยนั่นน่ะ มันต้องโดน ไหนจะเรื่องคลิป แล้วไหนจะเรื่องคุณกานน”
ม่านมัสลินเถียงไม่ออกแต่พอจิรดาจะไปจัดการมธุรินให้ เธอรีบห้ามให้มันแล้วกันไป
ในขณะที่กานนพามธุรินมาส่งบ้าน และพาขึ้นนอนบนห้องตามที่เธอต้องการ แต่เธอยังยื้อให้เขาอยู่เป็นเพื่อนจนกว่าจะหลับ กานนเห็นยาขวดเล็กๆบนโต๊ะหัวเตียงก็เอ็ด ไหนว่าไม่กินยานี่แล้ว มธุรินก้มหน้างุดราวกับทำความผิด
“ยาคลายเครียดกินเยอะๆมันไม่ดีเดียร์ก็รู้ ติดขึ้นมาจะแย่นะครับ” กานนตำหนิ
“เลิกจ้องหน้าเดียร์ได้แล้วค่ะ เดียร์แค่แอบหยิบทานไปเม็ดเดียวเอง ก็มันนอนไม่หลับมาหลายคืนแล้วนี่คะ”
กานนสงสารจึงสัญญาว่าจะอยู่เป็นเพื่อนจนเธอหลับ และเธอจะไม่ได้กินยานี่อีก เพราะตนจะเก็บมันไว้ กานนถอนใจคิดไม่ตกว่าจะหาทางออกเรื่องนี้ได้อย่างไร
ooooooo

   

อ่านบทละคร ในรอยรัก ตอนที่ 8

 
เกวลินโบกไม้โบกมือไม่ให้ม่านมัสลินต่อว่ากานนทางโทรศัพท์ แต่เธอไม่สนใจฟัง พูดฉอดๆ “ถ้าจะโทร.มาเพราะเรื่องที่แม่ฉันไปอาละวาดที่บ้านแฟนคุณละก็ ฉันไม่มีอะไรจะคุยนะ ว่าไงล่ะ ทำไมเงียบ หรือกำลังคิดจะให้ฉันไปขอโทษแฟนกับว่าที่แม่ยายของคุณ หึๆลืมไปได้เลยนะคะ เรื่องวุ่นๆที่เกิด มันมีที่มาที่ไป ถ้าอยากรู้ คุณควรจะถามแฟนคุณดู”

ม่านมัสลินฟังกานนตอบ แล้วต้องประหลาดใจ “คุณว่าไงนะ...”

“ผมบอกว่าผมอยากเจอคุณ มัสลิน ให้ผมไปเจอคุณนะ คุณอยู่ที่ไหน”

“คุณกับฉันมีธุระอะไรที่ต้องเจอกันอีกเหรอคะ ยังสมควรที่จะเจอกันอีกเหรอคะ ฉันเคยบอกแล้วว่าเราต่างคนต่างอยู่ แค่นี้ชีวิตฉันก็ยุ่งยากมากพอแล้ว”

ม่านมัสลินคว้ากระเป๋าจะกลับ เกวลินชี้นิ้วให้เธอรู้ว่าในมือถือมีข้อความที่กานนส่งมาแต่เธอกลับโบกมือบ๊ายบายแล้วเดินออกไป...จนแล้วจนรอด ม่านมัสลินก็อดมาที่ริมแม่น้ำที่เธอเคยมากับกานนไม่ได้ ยืนคิดอะไรสักพักก็นึกถึงท่าทางเกวลินที่พยายามจะบอกอะไร จึงลองกดมือถือดู เห็นข้อความที่กานนส่งมาให้กำลังใจและบอกรัก ก็ถึงกับตะลึง

“ดีใจที่เจอคุณนะ” เสียงกานนดังขึ้น

ม่านมัสลินสะดุ้งเงยหน้ามอง เลยต่อว่ามาเล่นตลกอะไรกับตนอีก กานนทำหน้างงๆพอเห็นเธอตวัดสายตามองมือถือจึงรู้ว่าเธอได้รับข้อความก็ดีใจ “คุณได้รับใช่มั้ย...”

“ฉันไม่สนุกด้วยค่ะคุณกานน”

“แต่อย่างน้อยมันก็ทำให้คุณมารอผมที่นี่”

“ฉันเนี่ยนะมาคอยคุณ เฮอะ คนอย่างคุณนี่ทำฉันพูดไม่ออกจริงๆ เอาล่ะ ถ้าไม่มีฉันอยู่ตรงนี้แล้วทุกอย่างคงจบเอง” ม่านมัสลินจะเดินไป กานนรวบตัวมากอดไว้จนเธอประจันหน้าเขา

“ผมไม่มีเวลาล้อเล่นกับใคร ทุกอย่างเป็นเรื่องจริง ผมรักคุณ ได้ยินจากปากผมแล้วใช่มั้ยมัสลิน คุณรอผมได้มั้ยมัสลิน ผมรู้ว่าคุณก็รักผม รอผมนะ ถ้าผมทำอะไรไปในเวลานี้มันก็เท่ากับว่าผมทำร้ายนายกุ”

“แล้วก็มธุริน...” เห็นกานนชะงัก ม่านมัสลินเอ่ย “ฉันจะถือว่าเราไม่ได้มาเจอกันที่นี่ ฉันไม่ได้ยินอะไรเลยสักนิด”

“คุณจะประชดประชันผมเพื่ออะไร ผมเลือกที่จะพูดความจริงทุกอย่างก็เพราะหวังว่าคุณจะเข้าใจ”

“เข้าใจสิคะ ใครบอกว่าฉันไม่เข้าใจ คุณเห็นใจพี่กุเทพกับมธุรินแฟนของคุณ คุณต้องการเวลาให้คนของคุณลงตัว แต่ถามหน่อยเถอะ ทุกอย่างมันขึ้นอยู่กับฝ่ายคุณฝ่ายเดียวงั้นเหรอ”

“จริงสินะ ผมเองก็ลืมคิดข้อนี้ไปเลย คุณกำลังจะบอกผมว่าคุณเองก็มีคนอื่นงั้นสิ ไหนล่ะไหน...ไหน...”

“หยุดดูถูกฉันเดี๋ยวนี้นะ” ม่านมัสลินเสียฟอร์ม

“แล้วถ้าจะหมายถึงเจ้าตี๋ฮ่องกงคนนั้นละก็ ลืมไปได้เลย คุณไม่ได้ชอบเขาสักนิด”

“แต่ฉันรักเขา”

กานนหุบยิ้ม ม่านมัสลินยิ้มเหยียดประสานสายตากร้าว ก่อนจะเดินฉับๆจากไปไม่เหลียวหลัง ปล่อยกานนร้องเรียกให้กลับมาอย่างปวดร้าว

ooooooo

วันต่อมา คิมกับดุสิตกลับมาจากฮ่องกง คิมเคลียร์งานมอบหมายให้ดุสิตดูแลต่อเพราะตั้งใจจะไปสืบหาความจริงเรื่องคลิปม่านมัสลิน ว่ามาจากศิธาหรือเปล่า เพราะเขาคุ้นฉากในคลิป ดุสิตโวยว่าเรื่องมันจบไปแล้ว แต่คิมยอมไม่ได้และที่สำคัญเกวลินจะได้ตาสว่างเสียที
เสร็จจากงาน ดุสิตมาเยี่ยมเกวลินที่โรงพยาบาล ดุสิตแสดงความเสียใจที่ตอนเกิดเรื่องตนทำงานอยู่ฮ่องกงกับมาเลเซียคิดไม่ถึงเลยว่าศิธาจะกล้าทำถึงขนาดนี้ เกวลินงงเพราะจำเหตุการณ์ช่วงนั้นไม่ได้ จึงถามดุสิตว่ารู้จักศิธาแล้วหรือ ตนยังไม่เคยแนะนำให้รู้จักกันเลย ดุสิตอ้าปากค้างสงสารเพื่อนจับจิต ตั้งใจจะต้องรื้อฟื้นความทรงจำเกวลินให้ได้...

ถึงเรื่องจะคลี่คลาย แต่มธุรินยังหวาดกลัวว่าจะถูกเปิดเผยว่าตนเป็นคนสั่งทำคลิปเปลือยม่านมัสลิน จนเหม่อลอยไม่มีใจจะทำงาน พอเตชโทร.หาเธอจึงร้องไห้โฮออกมาอย่างอัดอั้น

เตชต้องกลับมาบ้านเพื่อต่อว่าบัวบงกช เธอเห็นหน้าเตชก็รู้สึกดีใจลึกๆแต่เขากลับโพล่งออกมาว่า “นี่คุณเลี้ยงลูกยังไงของคุณ ถ้าผมรู้ว่าคุณจะไม่ได้เรื่องขนาดนี้ ผมไม่มีทางทิ้งให้ยัยเดียร์อยู่กับคุณเลย คุณคงทำกับลูกเหมือนที่คุณทำกับผม ไม่เคยรักไม่เคยใส่ใจ ลูกถึงต้องไปยึดเอาไอ้กานนเป็นที่พึ่ง แล้วก็ต้องมานั่งฟูมฟายเสียอกเสียใจแบบนี้”

“เกิดอะไรขึ้นกับยัยเดียร์” บัวบงกชถามงงๆ

“ก็จะอะไร คงโดนไอ้กานนมันหลอกเอาน่ะสิ ถึงร้องห่มร้องไห้เสียใจซะขนาดนั้น อย่าบอกนะว่าคุณไม่รู้เรื่อง”

บัวบงกชเริ่มจับใจความได้ จึงสวนไปว่า เขานั่นแหละที่ไม่เคยรู้เรื่อง ไม่เคยสนใจว่าลูกคบใคร ทำอะไรผิดๆมาบ้างเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ได้เกี่ยวกับกานนเลย แต่เพราะเรื่อง...บัวบงกชพูดไม่ออก ตัดสินใจเดินหนี เตชตามมาขวาง

“บัว ตลอดเวลาที่ผ่านมากับเรื่องของเรา คุณหันหลังให้ผมมาตลอด ผมฝืนใจยอม แต่นี่เรื่องของลูก ยัยเดียร์ก็ลูกผมเหมือนกัน คุณจะเดินหนีผมอย่างนี้ไม่ได้ ถ้าไม่ใช่เพราะไอ้กานนแล้วมันจะมีเรื่องอะไรอีก ทำไมยัยเดียร์ร้องไห้เสียมากมายอย่างนั้น”

บัวบงกชลังเล เตชไม่พอใจตวาดว่าเขาเป็นพ่อนะ บัวบงกชเจ็บแปลบทั้งหัวใจอยากจะพูดออกไปว่าใช่ เขาเป็นพ่อแต่แล้วเปลี่ยนใจเดินหนีความจริงไปดื้อๆ เตชกำหมัดอย่างอัดอั้น

เพราะความโกรธทำให้เตชบุกมาเอาเรื่องม่านมัสลินถึงบ้าน แป้นกับพัดช่วยกันขวาง เตชชี้หน้าต่อว่าเคยเตือนแล้วอย่ามายุ่งกับลูกสาวตน ม่านมัสลินโต้ว่าไม่เคยคิดจะยุ่งด้วย แต่มธุรินขยันมายุ่งกับตนเหลือเกิน เตชโกรธจัด

“เธอมันก็เหมือนแม่เธอนั่นแหละ อย่างลูกสาวฉันหรือกานนแฟนเขาก็เหอะ ไม่มีทางลดตัวมายุ่งกับเธอแน่นอน นอกซะจากว่าเธอจะใช้วิธีเดียวกับแม่ เที่ยวแถไปหาผู้ชายก่อน”

“ท่าทางคุณจะอ่านอะไรๆออกไปซะหมด ขอโทษเถอะค่ะ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะชอบแถเหมือนกันรึเปล่าคะ โดยเฉพาะตอนนี้ที่แถมาหาเรื่องฉันถึงบ้านแบบไม่กลัวจะถูกลากเข้าตาราง”

เตชโกรธที่ม่านมัสลินกราดเกรี้ยวไม่ลดละ ขู่ว่าจะทำลายบ้านหลังนี้เสียถ้าเธอไม่เลิกยุ่งกับกานน ม่านมัสลินให้กลับไปบอกลูกสาวให้เก็บว่าที่เจ้าบ่าวตัวเองไว้ให้ดีแล้วไล่เตชกลับไป เตชชี้หน้าว่ายอมรับแล้วใช่ไหมว่ามายุ่งกับกานนจริงๆ ม่านมัสลินโมโหจึงยั่วว่าอย่างตนผู้ชายดีๆเป็นฝ่ายเข้ามา เตชด่าว่าเธอหน้าด้าน

“ก็หน้าด้านน่ะสิ ไม่แปลกที่คนระดับอย่างฉันจะกลายเป็นคนหน้าด้าน แต่พวกผู้ดีอย่างคุณใช้วิชามารต่ำๆทำลายคนอื่นจะเรียกว่าอะไรดี ถึงจะสาสมกับความต่ำช้าสารเลวที่ทำเอาไว้”

“อะไรของเธอ”เตชตาวาวก้าวเข้าหาม่านมัสลิน

จิรดาเดินลงมาบอกเตชให้ปล่อยม่านมัสลินไป พอดีเสียงแตรรถดังขึ้น เตชยิ้มเยาะคิดว่ากานนมาจึงว่าจับได้คาหนังคาเขา แต่พอคนที่เข้ามากลายเป็นกุเทพ ถึงกับงงงัน กุเทพยกมือไหว้พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น จึงดึงม่านมัสลินออกไป เตชไม่วายด่าไล่หลังว่าม่านมัสลินใจง่ายเหมือนแม่ จิรดาไม่โต้เถียง ยืนรับฟังน้ำตาไหล เตชแปลกใจที่เธอไม่อาละวาดจึงกลับไป

ผิดคาดที่จิรดาไม่เรียกหาเหล้า เธอกลับนั่งครุ่นคิดถึงภาษิต“ฉันมันงี่เง่าเอง ทำทุกอย่างประชดชีวิต คิดแต่จะเอาชนะคุณ ชนะบัวบงกช จนไม่เคยนึกถึงคุณหรือมัสลิน ที่ถูกนายเตชด่ามันก็สมแล้วล่ะ...ให้อภัยฉันนะคะ ภาษิต...”

กานนนั่งดื่มน้ำชากับเจ้าสัวทศ เจ้าสัวขำที่กานนทำตัวเหมือนปิดทองหลังพระ ทำดีแล้วไม่บอกให้ม่านมัสลินรู้ ว่าตัวเป็นคนจัดการเรื่องแถลงข่าวนั่น กานนได้แต่ถอนใจ เจ้าสัวถามเรื่องที่ให้ตามหาย่าเล็ก กานนนึกได้เล่าให้ฟังว่าคุณยายของม่านมัสลินเป็นคนเก่าแก่หมู่บ้านตลาดโบราณนั่น เขาจึงตั้งใจจะไปสอบถามท่าน เจ้าสัวตื่นเต้นให้กานนพาไปวันนี้เลย

ม่านมัสลินกำลังแนะนำกุเทพให้ม่านมุกรู้จัก ว่าเป็นหลานชายกานน ม่านมุกจึงคุยด้วยว่ากานนเจอกับตนที่โรงพยาบาลเลยรู้จักกัน กุเทพโล่งใจที่กานนพูดความจริง มือถือม่านมัสลินสั่นเธอหยิบมาดูเห็นชื่อกานนจึงตัดสายทิ้ง สักพักก็สั่นขึ้นอีก กดดูเป็นข้อความจากกานน...ผมต้องการความช่วยเหลือเรื่องคุณย่าเล็ก...ม่านมัสลินจึงขอตัวหลบออกมา

เธอโทร.หากานน เขาดีใจมากรีบบอกว่ากำลังไปที่บ้านเธอ ม่านมัสลินต่อว่าทำไมชอบทำอะไรตามอำเภอใจ กานนโบ้ยว่าคนขอร้องคือเจ้าสัวนั่งอยู่ข้างเขา ม่านมัสลินเจื่อนลงบอกว่าเดี๋ยวตนโทร.กลับ เธอสีหน้าว้าวุ่นใจ หันรีหันขวางจะทำอย่างไรดี ไม่อยากให้กานนเจอกับกุเทพ

แต่แล้วกานนขับรถมาจอดหน้าบ้าน เจ้าสัวเห็นพุ่มเฟื่องฟ้าหน้าบ้านเหมือนโดนสะกด เสียงม่านมุกในอดีตดังลอยเข้ามา“ดิฉันชอบเฟื่องฟ้าค่ะ เฟื่องฟ้าเป็นไม้ที่ไม่ต้องการการดูแล มันเติบโตเองได้ด้วยตัวมันเองในทุกสถานการณ์และทุกสภาวะไม่ว่าจะร้อน จะฝนหรือหนาว”

กานนเรียก เจ้าสัวสะดุ้ง เขาบอกว่ายังไม่ได้กดกริ่งเลย เจ้าสัวจึงเข้าไปจะกด เห็นเป็นกระดิ่งใบย่อม ยิ่งทำให้เขานึกถึงม่านมุก เพราะเป็นสิ่งที่เธอชอบ เจ้าสัวยิ่งสงสัย...ม่านมัสลินกำลังจะเข้าบ้านไปดูกุเทพ เสียงกระดิ่งทำให้เธอสะดุ้ง ม่านมุกให้ปิ่นไปดูว่าใครมา ม่านมัสลินรีบบอกว่าตนไปดูให้เอง เธอวิ่งมาเปิดประตูแล้วยกมือไหว้เจ้าสัวอย่างสุภาพอ่อนน้อม

“อ้าว คุณอยู่ที่นี่เองหรอกเหรอ แล้วก็ปล่อยให้ผมถามอยู่ตั้งนาน”กานนต่อว่า

“ไม่ใช่เวลาที่จะคอมเพลน ฉันกำลังจะหาทางบอกคุณ พี่กุอยู่ในบ้าน”

กานนเหลือบมองเจ้าสัว เจ้าสัวเข้าใจดี เพราะรู้ว่ากุเทพจะเข้าใจผิด“อืม ไม่เป็นไรฉันเข้าใจ วันนี้ฉันเองก็ใจร้อนไปหน่อยเหมือนกัน หวังว่าคราวหน้าคงมีโอกาสได้คุยกับยายหนู”

เจ้าสัวไม่วายที่จะสอดสายตามองเข้าไปในบ้าน ม่านมัสลินกราบขอโทษ กานนประคองเจ้าสัวกลับไปที่รถ เผอิญม่านมุกเดินออกมา เธอมองผ่านหลังม่านมัสลินไปเห็นเจ้าสัวแวบๆถึงกับใจหาย ร้องถามม่านมัสลินว่าใครมา ม่านมัสลินตกใจรีบปิดประตู จังหวะที่เธอถอยออกทำให้ม่านมุกเห็นด้านข้างเจ้าสัว เธอชาวาบไปทั้งตัว เซจะเป็นลม ม่านมัสลินรีบประคองเข้าบ้าน

พอมาถึงโรงพยาบาล เจ้าสัวบอกกานนว่าตนชอบบ้านหลังนั้น กานนว่าชอบเขาก็ไม่ขายให้หรอก เจ้าสัวเอ็ด “ไอ้บ้า ฉันแค่รู้สึกคุ้นเคยกับบ้านหลังนั้นเสียเหลือเกิน”

“บ้านสวนคุณยายมัสลินสวยครึ้ม ผมเองยังชอบ มองไปทางไหนก็มีแต่ต้นไม้”

เจ้าสัวรำพึงว่า ต้นเฟื่องฟ้า พลันบุรุษพยาบาลเข็นเตียงผู้ป่วยมาอย่างรีบร้อน เจ้าสัวเห็นหน้าจำได้ว่าเป็นย้ง จึงรีบให้กานนไปสอบถามว่าคนไข้นั้นชื่ออะไรและป่วยเป็นอะไร...กานนหายไปสักพัก เจ้าสัวตรวจเสร็จออกมานั่งรอฟังผล กานนกลับมาบอกว่า คนไข้นั้นชื่อยงยุทธ

“เป็นไปได้ยังไง ทำไมมันเหมือนไอ้ย้งนักล่ะ แล้วนามสกุลอะไร”

“แซ่ตั้งครับ”

“งั้นก็เข้าเค้าอยู่นะ ย้ง ยงยุทธ มันก็ใกล้เคียง ปลิวช่วยปู่หน่อย หาข้อมูลต่อทีว่าเจ้าของไข้หรือญาตินายยงยุทธนี่เป็นใครมาจากไหนกัน”

“ทำไมปู่ถึงต้องอยากรู้เรื่องลุงคนนั้นจังครับ หรือคุณปู่รู้จัก แต่ถ้ารู้จักทำไมไม่เข้าไปหาเขาเลยล่ะครับ”

เจ้าสัวบอกว่าให้แน่ใจก่อนว่าใช่คนที่ทำให้เขาต้องพรากจากคนรัก กานนตื่นเต้นเพราะเจ้าสัวเคยเล่าว่า ย้งคือคนที่ย่าใหญ่กล่าวหาว่าเป็นชายชู้ ถ้าใช่ ความหวังของปู่เขาก็ใกล้เข้ามา

ooooooo

คนในบ้านสวนยังตกใจที่ม่านมุกเป็นลมได้อย่างไร แต่ไหนแต่ไรไม่เคยเป็น กุเทพจะพาไปโรงพยาบาลแต่ม่านมัสลินขอปฐมพยาบาลเอง ทั้งที่แปลกใจอยู่เหมือนกัน

กุเทพกลับไป ม่านมัสลินนั่งนวดมือให้ม่านมุก ปากก็บ่น ว่ายายคงไม่ได้เป็นลมเพราะเห็นหน้าปู่ของกานนนะ ม่านมุกมือสั่น ครางถามว่าเขาชื่ออะไรและมาทำไม ม่านมัสลินจึงเล่าว่ากานนช่วยเจ้าสัวตามหาย่าเล็ก เห็นบ้านเดิมอยู่ที่เดียวกับที่ยายอยู่ ตนจึงบอกไปว่ายายดังมากแถวนั้นอาจจะรู้จักย่าเล็กของเขา ม่านมุกถามอีกครั้งว่าชื่ออะไร

“คุณย่าเล็กนี่ มัสจำไม่ได้ แต่คุณปู่รู้สึกจะชื่อสั้นๆว่าทศ คุณทศ รัตนรัช ยายรู้จักมั้ยคะ”

ม่านมุกถอนใจ คว้ายาดมมาดม ม่านมัสลินตกใจ “แย่ลงอีกแล้วเหรอคะยาย โอ...มัสไม่น่าหาเรื่องให้ยายต้องใช้ความคิดเลย ไม่เป็นไรนะคะ เรื่องคุณปู่คุณกานนเอาไว้ก่อนก็ได้ค่ะยาย”

“ไม่เป็นไร เพราะยายก็ไม่ได้รู้จักเขาหรอก ทศ รัตนรัช ยายไม่รู้จักคนชื่อนี้สกุลนี้เลย”

ม่านมัสลินผิดหวัง ม่านมุกถามว่าทำไมไม่พากานนกับปู่เข้าบ้าน ม่านมัสลินตอบว่า เพราะกุเทพอยู่ ตนไม่อยากให้เป็นเรื่อง ม่านมุกเข้าใจสถานการณ์ของหลานสาว แต่รู้สึกว่าเสียมารยาท จึงให้ม่านมัสลินไปเชิญมาใหม่ ตนอาจจะช่วยเหลือได้

“มัสว่าแล้วว่ายายของมัสน่ะใจดี คุณปู่ท่านแก่มากแล้ว สุขภาพก็ไม่ค่อยจะดี การที่ท่านได้พบคนรักที่พลัดพรากกัน น่าจะทำให้ท่านมีความสุขมากขึ้นทีเดียวล่ะค่ะ”

ม่านมุกพยักหน้าเข้าใจ เพราะหัวอกเดียวกัน...

ม่านมัสลินกลับมาบ้าน แปลกใจเมื่อพัดเล่าว่าจิรดาไม่เรียกหาเหล้าเลย จิรดาเดินมาสีหน้าเรียบเฉยแต่ตาบวม

ม่านมัสลินตกใจถามแม่เป็นอะไรหรือเปล่า จิรดาแว้ดใส่อย่ามาจุ้น ทุกคนโล่งใจที่เป็นจิรดาคนเดิมแล้ว ม่านมัสลินอดถามไม่ได้ว่าเตชทำอะไรหรือเปล่า

“เลิกพูดถึงเขา ต่อไปไม่ว่าใครหน้าไหนก็เข้ามาวุ่นวายที่นี่ไม่ได้ ฉันรับรอง”

“แม่พูดจริงเหรอคะ แม่หมายความว่ายังไงคะ” ม่านมัสลินเขย่าแขนจิรดาอย่างตื่นเต้น

“ฮื่อ ฉันว่าจะเลิกยุ่งกับเขาสักทีดูสิว่าชีวิตมันจะหายวุ่นวายลงบ้างไหม ฉันเริ่มเหนื่อย”

ม่านมัสลินดีใจ บอกแม่ว่าตนมีงานให้ทำ จะให้เป็นผู้จัดการส่วนตัว อยากเรียกค่าตัวเท่าไหร่ก็ได้ จิรดาสีหน้าดีขึ้นรีบถามว่าแล้วตอนนี้มีงานมากหรือยัง เธอตอบว่ามากเลย พลันทางโรงพยาบาลโทร.เข้ามาแจ้งอาการของย้งว่าทรุดลงต้องเข้าไอซียู ม่านมัสลินจึงรีบไปดู จิรดาบ่นญาติก็ไม่ใช่ ไปรับผิดชอบอยู่ได้

ในขณะที่เจ้าสัวทศเล่าให้กานนฟังถึงอดีตวันที่ม่านมุกหิ้วกระเป๋าออกจากบ้าน เพราะถูกคุณนายใหญ่ไล่โดยใส่ความว่าเป็นชู้กับย้ง ตนนั่งรถกลับเข้ามา ย้งวิ่งมาขวางหน้ารถ เพื่อจะบอกว่าไม่เป็นความจริง ม่านมุกถูกใส่ร้าย แต่ตนยิ่งโกรธสั่งคนซ้อมย้งแล้วโยนออกไปจากบ้าน...

เจ้าสัวให้กานนไปดูว่าคนป่วยนั่นใช่ย้งหรือไม่ กานนเข้าไปในห้องไอซียูไม่ได้เพราะไม่ใช่ญาติ พลันเห็นม่านมัสลินวิ่งหน้าตื่นเข้ามา เขาดีใจมาก แต่เธอไม่ทันสนใจเขาตรงไปห้องไอซียูทันที สักพักก็ออกมา เธอกดมือถือโทร.รายงานทางบ้านว่าย้งปลอดภัยแล้ว เธอเริ่มรู้สึกตัวว่าเหมือนมีคนกำลังตาม จึงวางสายแล้วล้วงกระเป๋ากำบางอย่างไว้ในมือ เหลียวกลับไปมองไม่มีอะไร แต่พอหันกลับมาเจอกานนยืนยิ้มอยู่ ตกใจถามว่าตามตนมาหรือ กานนแหย่

“เปล่า มาทำธุระที่นี่กำลังจะกลับ”

ม่านมัสลินจ้องตาเขาอย่างไม่วางใจก่อนจะบอกว่างั้นตนไปนะ กานนพยักหน้าแต่ยังเดินตาม เธอหันมาปรี๊ดใส่ “เอ๊ะคุณนี่ยังไงกันนะ”

กานนตอบว่ารถเขาจอดทางนี้ ว่าแล้วก็กดรีโมตล็อก ม่านมัสลินหน้าแตกเดินปึ่งไปขึ้นรถเก่าของตน เธอแช่งขอให้รถเขาสตาร์ตไม่ติด พลันรถตัวเองกลับสตาร์ตไม่ได้ เธอร้องเฮ้ย...ตนหมายถึงรถกานนไม่ใช่รถตน ที่สุดรถสตาร์ตติด เธอโล่งใจ หันไปแสยะยิ้มใส่กานน ทันทีก็ต้องร้องอ้าว เพราะเห็นกานนเปิดฝากระโปรงรถและโทร.เรียกช่าง เธอจำต้องลงมาถามไถ่ ได้ยินเขากำลังวีนใส่ช่างทางมือถือ แล้ววางสายอย่างหงุดหงิด เธอจึงถามเขาว่าจะติดรถตนออกไปไหม...

กานนนั่งในรถม่านมัสลิน เขาชมว่านั่งสบาย เธอโวยจะโกหกก็ให้มันเนียนหน่อย กานนหันมาถามว่ามาทำอะไรที่โรงพยาบาล เธอตอบว่าเยี่ยมญาติ เขาร้องว่าเหมือนกันเลย

“ใครถามไม่ทราบ”

“เค้าเรียกประโยคติดพัน ไม่อยากฟังก็ขอโทษ”

ม่านมัสลินถามจะลงตรงไหน กานนตอบว่าร้านอาหารไหนก็ได้แล้วชวนเธอทานด้วยกัน ม่านมัสลินปฏิเสธไม่หิว แต่ท้องเจ้ากรรมดันร้องขึ้นมา กานนตีหน้าเฉยไม่หัวเราะเยาะ ม่านมัสลินจอดรถริมแม่น้ำ ให้กานนซื้อแซนด์วิชมาทาน กานนบ่น

“คุณนี่ดื้อใช้ได้เลยนะ จะอะไรนักหนาหิวก็หาอะไรกินจะมาฝืนอยู่ได้ ฟอร์มเยอะจังแม่คุณ จะว่ากลัวอ้วนก็ไม่น่าใช่ หุ่นอย่างคุณกินเท่าไหร่ก็ไม่อ้วนหรอก” กานนกินยั่ว

“นี่ฉันอุตส่าห์ใจดีให้ติดรถมาด้วย แถมเสียเวลารอคุณกินอาหาร ยังจะกล้ามาว่าอีกเหรอ”

“ผมไม่ได้ว่า หวังดีต่างหากล่ะครับ คุณนี่คิดอะไรลบไปหมดเลยรู้ตัวมั่งเปล่า”

ม่านมัสลินสะบัดหน้าจะเดินหนี เด็กขายดอกไม้เข้ามาขอให้ช่วยซื้อ เธอยิ้มแหยๆว่าไม่มีเงิน กานนจึงเหมาหมด เด็กรับเงินดีใจวิ่งไป กานนวางดอกไม้ทั้งกำในอ้อมแขนม่านมัสลิน เธอยืนอึ้ง กานนประคองหน้าเธอประสานสายตา แล้วก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างอ่อนโยน

เวลาผ่านไป สองคนเดินเคียงข้างกันเงียบๆจนถึงรถ กานนพูดขึ้นว่าให้เธอขับรถกลับบ้านเลย เขาจะนั่งไปเป็นเพื่อน ม่านมัสลินย้อนถามแล้วเขาล่ะ เขาตอบว่าเขาดูแลตัวเองได้

“ดูแลตัวเองได้ แล้วให้ฉันขับมา...เอ๊ะ นี่ฉันงงไปหมดแล้วนะเนี่ย”

กานนบอกให้ขึ้นรถเขาขับให้ ม่านมัสลินเห็นดีเหมือนกันส่งกุญแจให้ เด็กขายดอกไม้วิ่งมาสะกิดหลังกานน ทวงเงินค่าจ้าง ม่านมัสลินจึงรู้ว่าเขาหลอก นึกได้ถามเรื่องรถเสียหลอกด้วยหรือเปล่า กานนรีบบอกว่าเรื่องนั้นจริงแท้แน่นอน ม่านมัสลินขึ้นรถ กานนพึมพำถ้าไม่หลอกจะได้อยู่ใกล้เธอแบบนี้หรือ...พอส่งม่านมัสลินหน้าบ้าน เขาให้เธอขับรถเข้าบ้านก่อนถึงจะกลับ เธอสบตาเขาเศร้าๆ ก่อนจะถามว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร

“อย่าหาเหตุผลเลยมัสลิน เรื่องของเรามันไม่มีเหตุผล แต่มันเป็นความรัก” เห็นม่านมัสลินจะแย้ง เขารีบดัก “อย่าพูดอะไรเชือดเฉือนผมอีกเลยมัสลิน ยังไงคุณก็เปลี่ยนใจผมไม่ได้หรอก อย่าว่าแต่คุณเลย ใครหน้าไหนในโลกนี้ก็เปลี่ยนใจผมให้เลิกรักคุณไม่ได้”

“แล้วฉันจะคอยดู อย่าเข้าใจอะไรผิด ฉันไม่ได้มีส่วนร่วมในการที่คุณจะนอกใจมธุริน ฉันแค่เป็นผู้ชม”

กานนจะยิ้มต้องหุบ “คร้าบ...โอยเล่นกันตัวเองไว้ทุกประตู ไม่มีศาลไหนตัดสินเอาโทษคุณได้หรอกครับคุณมัสลิน คุณนี่เอาตัวรอดเป็นที่หนึ่งเลยนะรู้ตัวรึเปล่า”

ม่านมัสลินเปรยว่าปากกัดตีนถีบอย่างตนได้แค่นี้ก็ดีถม กานนเตือนอย่าลืมที่เธอต้องช่วยเขาหาย่าเล็ก และเขาจะช่วยสืบหาคุณตาของเธอ เขายื่นมือให้จับเป็นการสัญญา จังหวะที่เธอยื่นมือมาจับ เขาดึงเธอเข้ามากอดอย่างรวดเร็ว และก้มลงจูบเธออย่างดูดดื่มเนิ่นนาน ก่อนจะกระซิบ

“คุณเป็นผู้ชมอย่างเดียวไม่ได้หรอกมัสลิน เพราะคุณมีส่วนในชีวิตผม...ผมรักคุณ”

ม่านมัสลินใจเต้นรัวเหมือนโลกหมุนคว้าง...เข้ามาอยู่ในห้องคนเดียว ม่านมัสลินสับสน พยายามสลัดความรู้สึกนั้นออกไป แต่ดูเหมือนมันจะตราตรึงอยู่ในใจเธอเสียแล้ว

ooooooo

กลับบ้านอย่างเหม่อลอยเช่นกัน เจ้าสัวเห็นกานนจึงทักว่าหายไปไหนเสียนาน แล้วถามถึงเรื่องย้ง กานนไม่ตอบแต่กลับขอปรึกษาเรื่องของตัวเอง เจ้าสัวรู้ทันว่าเกี่ยวกับม่านมัสลิน พอรู้ว่ากานนจูบเธอ เจ้าสัวถึงกับอุทาน...หาเรื่องแล้วเจ้าปลิว...
วันต่อมา จิรดาเปลี่ยนแปลงตัวเองเป็นแม่เต็มตัว ดูแลเรื่องอาหาร ช่วยถือของมาส่งที่รถ ยื่นสมุดคิวให้อ่านว่ามีงานอะไรบ้างในวันนี้ พัดเห็นม่านมัสลินมีความสุขแล้วปลื้มใจไปด้วย...ขณะที่ม่านมัสลินขับรถ คิมโทร.เข้ามา เธอดีใจเพราะไม่เจอเขามาร่วมอาทิตย์ คิมบอกว่าเขามีงานต้องเคลียร์ เขาไม่ลืมจะช่วยเธอเรื่องตามหาคุณตา ม่านมัสลินไม่รู้เลยว่าคิมจะไปหาหลักฐานเอาผิดศิธาเรื่องคลิป
หน้าบริษัท คิมยื่นกุญแจรถสปอร์ตของตนให้ดุสิตและบอกว่าถ้าตนไม่กลับมาตนยกให้ ดุสิตเอ็ดว่าอย่าพูดเป็นลาง คิมไม่เข้าใจสำนวนไทย ม่านมัสลินโผล่มาทักทายเสียงใส แซวคิมว่าจะหนีงานไปเที่ยวไหน คิมไม่อาจบอกได้ ทันใดมีรถมอเตอร์ไซค์แล่นมาด้วยความเร็ว พุ่งเข้าใส่ ดุสิตรวบตัวคิมหลบล้มกลิ้งไปด้วยกัน ดุสิตจะเอาเรื่อง แต่คิมห้ามไว้เพราะตนยังไม่ตาย ดุสิตโวยว่าวันนี้คิมพูดจาไม่เป็นมงคลเลย ม่านมัสลินยังตกใจเพราะที่เธอเห็นเหมือนคิมถูกชนไปแล้ว คิมทำท่าผีหลอกเธออย่างสนุก แต่ม่านมัสลินกับดุสิตไม่สบายใจเลย...
เตชมากอดมธุรินปลอบว่าเขาได้ไปจัดการม่านมัสลินให้แล้ว มธุรินหน้าตื่นถามว่าม่านมัสลินพูดอะไรบ้างหรือเปล่า เตชแปลกใจทำไมลูกไม่รู้สึกดีขึ้น หรือว่ามีปัญหากับกานน มธุรินส่ายหน้าแล้วบอกว่าอยากให้เตชกลับมาอยู่บ้าน เตชมอง ลูกอย่างสงสัย
“ลูกมีปัญหากับคุณแม่ใช่มั้ย พ่อจะคุยกับแม่เขาให้ จำไว้นะเดียร์ ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นแม่เขารักลูกมากนะ ลูกห้ามคิดเองเออเอง มีอะไรก็คุยกับแม่หรือเล่าให้พ่อฟังก็ได้ อยากจะพูดอะไรมั้ย”
มธุรินน้ำตาร่วงพรูบ่นว่าแม่ไม่ฟังตนเลย ให้ทำในสิ่งที่ตนไม่อยากทำจนตนไม่แน่ใจว่าแม่รักตนหรือเปล่า เตชเอ็ดไม่ให้พูดแบบนั้นและสอนว่าแม่อุ้มท้องเรามาตั้งเก้าเดือน มีหรือจะไม่รัก แถมย้ำว่าแม่เป็นแม่ที่ดีที่สุดในโลกเท่าที่เขาเคยเห็นมา แต่พอมธุรินย้อนถามว่าทำไมต้องแยกกันอยู่ เตชพูดไม่ออก บัวบงกชก้าวเข้ามาขอให้เตชกลับมาอยู่บ้าน เตชดีใจแต่พอเธอพูดว่า
“ลูกต้องการคุณ”
แววตามีความหวังเขาหายวับไป “ถ้าด้วยเหตุผลนั้นก็ช่างเถอะ ลูกมีผมเสมอ ผมไม่มีวันจากลูกไปไหนไม่เกี่ยวว่าผมจะอยู่ที่ไหน”
มธุรินรีบบอกว่าไม่เพียงตนที่ต้องการพ่อ แม่ก็ต้องการให้พ่อกลับบ้าน มธุรินหันมาถามบัวบงกชว่าจริงไหม เตชรอฟังคำตอบ แต่บัวบงกชไม่อาจพูดได้ เตชเสียใจก้มหน้าเดินออกไปน้ำตาคลอ มธุรินวิ่งตามพ่อออกไป บัวบงกชยืนนิ่งน้ำตาพร่างพรูลงมาอย่างปวดใจเช่นกัน
ระหว่างที่กานนกำลังสั่งงานเลขาฯ เจ้าสัวมาหาเพื่อถามเรื่องย้งเพราะเมื่อคืนกานนเล่าแต่เรื่องม่านมัสลิน กานนนึกได้ขอสั่งงานให้เสร็จก่อน แต่พอหันมาเจ้าสัวหายไปแล้ว กานนตกใจรีบโทร.ขอความช่วยเหลือจากอุษยา...
เจ้าสัวมาที่โรงพยาบาล ขอเข้าเยี่ยมย้งเขาต้องสวมชุดฆ่าเชื้อเข้าไป พอได้เห็นหน้าย้งก็จำได้ เจ้าสัวบีบมือย้งเรียก “อาย้ง แกจริงๆด้วย นี่ฉันเองนะ...เจ้าสัวท้ง”
ใบหน้าย้งกระตุก เปลือกตาพยายามจะลืม ปากขยับเล็กน้อย เจ้าสัวดีใจที่ย้งได้ยิน...
ooooooo
P002 ชุดเสื้อคลุม สีดำ ซีทรู เปิดหน้าเซ็กซี่มากๆ PAN51 ชุดนอนเซ็กซี่ ชุดนอนซีทรู สีม่วง บางๆ ตรงอกเป้นลูกไม้เซ็กซี่ พร้อม จีสตริง สวยมากค่ะ PSC018 ชุดนอน เซ็กวี่ เปิด ด้านข้าง ด้านหลังเซ็กซี่ น่ารัก พร้อม จีสตริง

Monday, September 12, 2011

อ่านบทละคร ในรอยรัก ตอนที่ 7


บนโต๊ะอาหาร อุษยามองหลานสองคนที่นั่งทานอาหารอย่างเงียบเชียบ ไม่มองหน้าไม่พูดจากัน จึงถามขึ้นว่าสองคนเป็นอะไร ทั้งกานนและกุเทพนิ่งเงียบจนอุษยาถามซ้ำอย่างไม่พอใจ กุเทพหันมาทำเป็นตลกให้ย่าคลายโกรธ แต่เธอรู้ทัน

“ถ้าคิดจะโกหกก็ไม่ต้องเสียเวลาเลย ที่เธอสองคนเป็นอย่างนี้เพราะม่านมัสลินใช่มั้ย”

สองหนุ่มอึกอัก อุษยาประกาศเลยว่า ตนเลี้ยงสองคนมาไม่ได้ให้มาแตกคอกันเพราะเรื่องผู้หญิงแบบม่านมัสลิน ตนไม่มีวันให้ผู้หญิงคนนี้เหยียบเข้ามาในบ้านรัตนรัชไม่ว่าในฐานะอะไรแล้วให้สาวใช้เอาข่าวเปลือยในหนังสือพิมพ์มาวางให้สองคนดู สองหนุ่มตกใจ อุษยาบอกให้กานนตามไปคุยที่ห้องทำงาน ก่อนไป กานนหันมาพูดกับกุเทพ
   

“ปล่อยมัสลินแก้ปัญหาด้วยตัวเขาเอง อย่าทำให้คุณย่าไม่สบายใจไปกว่านี้”

กุเทพไม่พอใจย้อนถามทำไมต้องเชื่อ กานนเอ็ดว่าเพราะเขาเป็นอา พูดอะไรต้องทำตาม

“อาปลิวเก่งนะฮะ เกิดเรื่องอย่างนี้แล้วยังวางท่าเป็นคุณอาที่แสนดีได้”

“ฉันบอกแล้วไงว่า วันนึงแกจะเข้าใจฉัน”

“ไม่ต้องรอถึงวันไหนหรอกครับ วันนี้ผมก็เข้าใจอาได้ ถ้าอาเลิกยุ่งเกี่ยวกับมัสลิน”

กานนนิ่ง กุเทพเยาะแค่นี้ยังรับปากเขาไม่ได้แล้วตบโต๊ะเปรี้ยงตะเบ็งใส่ให้เลิกยุ่งกับชีวิตเขา กานนตะลึงเสียใจที่หลานหมดศรัทธาในตัวตน...กุเทพขับรถออกจากบ้านมาบ้านม่านมัสลินเห็นนักข่าวออเต็มหน้าบ้าน จึงโทร.หาเธอหลายครั้งแต่เธอไม่รับสาย จนในที่สุด เธอโทร.กลับมาเองเพื่อบอกเขาว่า ตนขอโทษที่ไม่รับสายและขอร้องให้ไปดูแลเกวลินแทนตนด้วย

พีระพลกับศิธาหลบข่าวไปต่างประเทศ ก่อนไปยังได้ค้นข่าวในอดีตส่งมาให้พินสุดาว่าบัวบงกชเคยท้องก่อนจะแต่งงานกับเตช พินสุดาสงสัยว่า ม่านมัสลินจะเป็นลูกของบัวบงกช ไม่ทันไร มธุรินมาหาเพราะร้อนใจเรื่องข่าวม่านมัสลิน

“แกต้องช่วยฉันนะกิ๊บ ถ้าแม่รู้ว่าฉันเป็นคนสั่งปล่อยคลิปมัสลิน ฉันตายแน่”

พินสุดาเอาซองทับเอกสารบนโต๊ะไม่ให้มธุรินเห็น ถามกลับว่า “แกไม่สงสัยมั่งเหรอ ว่าทำไมแม่แกถึงปลื้มมัสลินนัก”

“ก็ฉันเคยบอกแกแล้วไงว่ามัสลินเป็นลูกของแฟนเก่าเอ้อ เพื่อนสนิทแม่ฉัน ลูกเพื่อน แกจะไม่รักเหรอ แกมาช่วยฉันคิดดีกว่าว่าจะทำยังไงดี ถ้ามัสลินเกิดเอาเรื่อง แล้วสาวเจอฉันขึ้นมาฉันจะทำยังไง”

“ลองถ้าโก้ลงมือทำอะไร มันไม่เหลือซากไว้ให้ใครตามดมหรอก แกไม่ต้องห่วง”

“ก็เล่นบินหนีไปยุโรปกับศิธาแล้วนี่ จะต้องกลัวอะไรล่ะ”

พินสุดาพูดเยาะๆว่าไม่ต้องห่วง เอาเวลาไปใส่ใจกับกานนจะดีกว่า เพราะตนเพิ่งคุยกับอุษยา รู้มาว่าเธอสั่งให้เลิกคบกับม่านมัสลิน แต่ทั้งกานนและกุเทพไม่มีใครยอม พินสุดาจึงยุให้มธุรินทำตัวให้สวยมีเสน่ห์ ดึงกานนกลับมาหรือว่ากลัวสู้ม่านมัสลินไม่ได้

มธุรินตาลุกวาวโพล่งออกมา “ฉันไม่มีวันกลัวผู้หญิงคนนั้น อย่าพูดคำนี้ให้ฉันได้ยินอีก”

พินสุดายิ้มย่องเพราะได้แอบอัดเสียงคำพูดของมธุรินไว้หมดแล้ว

ooooooo

   
ม่านมัสลินเก็บตัวอยู่ในห้องด้วยความเสียใจ จนบ่ายคล้อย ลงมาข้างล่างเห็นพัดกำลังเก็บหนังสือ พิมพ์และนิตยสารที่มีข่าวเธอหอบจะไปทิ้ง พัดไม่เชื่อว่าในคลิปนั่นจะใช่ม่านมัสลินเพราะตนเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กทำไมจะไม่รู้ว่ารูปร่างและนิสัยเป็นอย่างไร จิรดายืนอยู่มุมหนึ่งได้ยินรู้สึกสะท้อนใจ ตามพัดไปกองขยะ เห็นภาพข่าวกานนจูงมือม่านมัสลินริมทะเลก็คว้ามาดู

“ทำไมฉันไม่เคยเห็นข่าวนี้”

“พัดจะรู้มั้ยล่ะคะ วันๆคุณดาไม่อยู่บ่อนก็กินเหล้า”

จิรดาโกรธขึ้ง แต่พัดไม่สนใจดึงหนังสือกลับมาทิ้งพร้อมกับเปรยว่า ข่าวนี้คงไม่ใช่ฝีมือจิรดาเหมือนข่าวแรกที่บ้านสวน จิรดาโวยว่าตนจะไปทะเลได้อย่างไร พลันแป้นถือโทรศัพท์ไร้สายมายื่นให้ จิรดาโวยกลัวเป็นนักข่าวหรือม่านมุก พัดจึงดึงมารับสายแทนและบอกไปเลยว่าม่านมัสลินไม่สะดวกจะรับสาย แต่แล้วต้องตะลึงเมื่อปลายสายบอกว่าเป็นคนปล่อยคลิป จิรดาแย่งโทรศัพท์มาพูดเอง ปลายสายรีบบอกว่า

“โอ๊ะ โทษทีฉันพูดผิด ฉันหมายถึงว่าฉันรู้ว่าใครเป็นคนปล่อยคลิปมัสลิน ถ้าอยากรู้ก็บอกลูกสาวคุณให้รีบมาหาฉัน” พูดจบก็วางสายไป...

ม่านมัสลินออกมาที่ร้านตามนัด มาถึงจึงรู้ว่าคนที่นัดคือพินสุดา ม่านมัสลินตั้งท่าเอาเรื่อง พินสุดายิ้มยั่วแล้วเอามือถือมากดคลิปเสียงให้ฟัง เป็นเสียงมธุรินที่พูดวันก่อน

“แกต้องช่วยฉันนะกิ๊บ ถ้าแม่รู้ว่าฉันเป็นคนสั่งปล่อยคลิปมัสลิน ฉันตายแน่”

ม่านมัสลินอึ้งถามว่าทำแบบนี้เพื่ออะไร พินสุดาย้อนถามไม่อยากรู้หรือว่าเป็นเสียงใคร

“ฉันไม่อยากรู้ ไม่มีเหตุผลอะไรที่เธอจะหวังดีกับฉัน เธอหมดธุระแล้วใช่มั้ย”

“มธุรินทำทุกอย่างเพื่อทำลายเธอ” พินสุดาเอ่ยขึ้นลอยๆ

ม่านมัสลินหันมาถามว่า มาบอกตนแล้วจะได้อะไรขึ้นมา พินสุดาตอบว่าต้องการให้เธอไปได้ดีกับกานน ไม่ต้อง กลับมายุ่งกับกุเทพ ม่านมัสลินเสียใจแทนมธุรินที่มีเพื่อนอย่างพินสุดา

“คนอย่างเธอมันน่าสะอิดสะเอียนจริงๆ ถ้าฉันฟังคำพูดเธอฉันก็โง่เต็มที”

“แต่อย่างน้อยก็มีคนนึงที่ฟังฉัน...แม่เธอไง ป่านนี้คงถึงบ้านมธุรินแล้วล่ะ เห็นว่าแค้นนักแค้นหนา ลูกสาวกำลังจะได้เป็นถึงนางเอกละครดัง แต่ต้องตกม้าตายเพราะคลิปฉาวฝีมือลูกสาวคู่อริเก่าอย่างมธุริน” พินสุดาหัวเราะสะใจ ม่านมัสลิน ตะลึงงัน

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย บทประพันธ์ วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ฉายฉันท์
  • 13 กันยายน 2554, 09:20 น.

อ่านบทละคร ในรอยรัก ตอนที่ 6

ในร้านกาแฟ ม่านมัสลินนั่งหน้าเครียด คิมกระหืดกระหอบเข้ามาถามว่าเกิดอะไรขึ้น เธอยิ้มเซียวๆรำพัน “มัสทำร้ายมธุริน มัสเป็นคนไม่ดีอีกแล้วใช่มั้ย”

“ถามผมไม่ได้หรอก เพราะยังไงผมก็เข้าข้างคุณ แล้วถ้าใครมาทำแม่ผมอย่างนั้น ใครหน้าไหนผมก็ไม่เว้นทั้งนั้นแหละ”

ม่านมัสลินเครียดหนักเมื่อนึกถึงจิรดา คิมปลอบให้หายเครียดรับปากจะดูแลเธอ และบอกว่าเขามีเรื่องสำคัญจะคุยด้วย คือเรื่องเกวลิน อยากให้เธอทำให้เกวลินอยู่ห่างจากศิธา เพราะพีระพลกำลังจะเอาเรื่อง คิมมาส่งม่านมัสลินที่ร้านเกวลิน แต่เธอเดินทางไปก่อนเพราะมีปัญหาที่หัวหิน คิมจึงอาสาไปส่งม่านมัสลินเอง เพราะเมื่อก่อนหน้านี้ เขาเจอกับศิธา ศิธาสารภาพกับเขาเองว่าจะต้องไปหาเกวลินที่หัวหิน เพื่อได้เงินลงทุนก้อนสุดท้ายแล้วจะเลิกกับเธอ แต่พีระพลจับได้เสียก่อน เขาได้ยินพีระพลขู่ศิธาว่า ถ้าไม่เลิกกับเกวลิน จะทำร้ายเกวลินให้ไม่ได้ผุดได้เกิด...

หลังจากถูกม่านมัสลินตบ มธุรินกราดเกรี้ยวจะตามไปเอาเรื่อง กุเทพตามมาห้ามที่ลานจอดรถ เพราะรู้ว่าม่านมัสลินไปทำงานต่างจังหวัด

“แล้วไงคะ คุณก็เห็นอยู่ว่าเดียร์ถูกตบ จะให้เดียร์อยู่เฉยงั้นเหรอ”

“ก็ไม่ใช่ยังงั้น เอาอย่างนี้นะฮะ ใจเย็นๆกันก่อน แล้วผมจะคุยกับมัสลิน ให้เขามาขอโทษ”

“คนอย่างมัสลินน่ะเหรอคะจะขอโทษเดียร์ ไม่มีทางหรอกค่ะ เดียร์นี่แหละจะจัดการเอง”

“แต่ผมไม่ปล่อยให้คุณทำอะไรแบบนั้น” กุเทพฉุดรั้งมธุรินไว้

มธุรินดิ้นจะไปให้ได้ กุเทพกอดไว้เตือนให้ตั้งสติหน่อย พินสุดาขับรถมาจอด หวังจะเอาของฝากจากไปเที่ยวมาให้ พลันเห็นภาพกุเทพกับมธุรินกอดรัดฟัดเหวี่ยงกันก็โกรธปากคอสั่น เขวี้ยงของลงพื้นจะไปเอาเรื่อง แต่ไม่ทัน เพราะกุเทพดันมธุรินขึ้นรถและขับออกไปโดยไม่เห็นพินสุดา... ระหว่างอยู่ในรถ มธุรินต่อว่ากุเทพที่หาว่าพ่อกับแม่ตนทำร้ายแม่ของม่านมัสลิน กุเทพพยายามอธิบาย เขาแค่ปะติดปะต่อเรื่องราว และเท่าที่รู้จักม่านมัสลินไม่ใช่คนอันธพาล มธุรินสงบลง ให้กุเทพส่งเธอที่บ้านพินสุดา และให้เขาเอารถเธอกลับไป เธอรับปาก

“เดียร์จะไม่คุยอะไรให้ยัยกิ๊บฟัง โอเคมั้ยคะ เดียร์แค่อยากพัก แค่นั้นจริงๆค่ะ”

กุเทพละล้าละลังอย่างเป็นห่วง ยอมกลับไป...

กานนมาประชุมที่โรงแรมในหัวหิน เผอิญเป็นโรงแรมเดียวกันกับที่ม่านมัสลินมาเดินแบบ กานนเจอกับเกวลินจึงทักกันและได้รู้ว่าม่านมัสลินกำลังมา...

นั่งมาในรถ ม่านมัสลินถามว่าทำไมคิมมั่นใจว่า

พีระพลจะไปเอาเรื่องเกวลิน คิมบอกว่าเขาเคยเห็นฤทธิ์เดชของพีระพล ม่านมัสลินเสียใจเพราะมีแต่เอาเรื่องไปปรึกษาเกวลิน แต่ไม่เคยรู้เลยว่าเกวลินมีปัญหาใหญ่

ในขณะที่ พีระพลไปหัวหินพร้อมศิธา มีลูกน้องหน้าเหี้ยมไปด้วยสองคน ศิธาเข้าไปหาเกวลิน เธอทักทายอย่างคู่รักตามปกติ ศิธาอึดอัดเพราะรู้ว่าอยู่ในสายตาพีระพล ศิธาจึงให้เธอไปทำงานให้เสร็จ ตนจะรออยู่บนห้อง

คิมกับม่านมัสลินมาถึง ตรงมาที่ล็อบบี้ เจอพีระพลกับลูกน้อง คิมทักทายเพื่อไม่ให้ผิดสังเกต ม่านมัสลินเลี่ยงมาจึงพลัดหลงกับคิม เธอไปหาเกวลิน ถามอย่างห่วงใย แต่เกวลิน

กลับมีความสุขอวดแหวนหมั้นที่ศิธาสวมให้ ม่านมัสลินตกใจที่ศิธาอยู่ที่นี่...ม่านมัสลินเดินตามหาคิมเพื่อจะบอกเรื่องนี้ ผ้าพันคอเกิดปลิวไปตามลม และไปตกที่โต๊ะริมทะเล เธอจะตามไปเก็บต้องชะงัก เมื่อเห็นกานนนั่งดื่มกาแฟอยู่ตรงนั้น

“คุณพระช่วย นี่ฉันฝันร้ายใช่มั้ยเนี่ย โธ่...ผืนนี้พ่อซื้อให้ซะด้วย ทำไงดีเนี่ย” ม่านมัสลินตัดสินใจเดินเลี่ยงไป...พอเห็นกานนลุกไปแล้ว ก็กลับเข้ามาเก็บผ้าพันคอ แต่มีมือหนึ่งมาแย่งไป

“ตกใจอะไรขนาดนั้น คุณรู้อยู่แล้วนี่ว่าผมนั่งอยู่ตรงนี้” กานนขำสีหน้าตกใจม่านมัสลิน

ม่านมัสลินขอผ้าคืน แต่กานนกลับเก็บใส่กระเป๋ากางเกงแล้วบอกว่าจะไปเดินเล่นอยากได้ให้ตามมา ม่านมัสลินวิ่งตามอย่างเดือดดาลร้องบอกเขาทำแบบนี้ไม่ได้นะ

“ไม่อยากได้ก็ไม่เป็นไรนะ ผมเก็บไว้ใช้เองก็ได้”

“นี่คุณจะบ้าเหรอ นั่นมันของของฉันนะ”

พีระพลเห็นสองคน เขากดโทรศัพท์ฟ้องพินสุดาทันที พินสุดาเพิ่งแยกกับมธุริน เธอแล่นไปหากุเทพที่ร้าน ทำทีบอกว่ามธุรินให้มาทำงานแทน กุเทพจึงถามว่ายุยงให้มธุรินทำอะไรไม่ดีอีก พินสุดาทำท่าสงสารเพื่อนมากกว่าเกี่ยวกับกานน ให้กุเทพไปถามเอาเองว่าเกิดอะไรขึ้น

ระหว่างนั้น ม่านมัสลินเดินตามกานนหวังจะหาจังหวะดึงผ้าพันคอคืนมา กานนถามว่าทำไมต้องหลบหน้าเขา เธอปฏิเสธไม่ได้หลบ เขาไม่เชื่อว่าเธอจะไม่เห็นเขานั่งที่โต๊ะนั้น

“โอเคค่ะ โอเค เห็นก็ได้ แต่ฉันไม่ได้อยากเจอหน้าคุณ”

“ผมทำอะไรให้คุณ เราเป็นศัตรูกันตั้งแต่เมื่อไหร่ คุณถึงไม่อยากเจอหน้าผม”

“ฉันไม่มีหน้าที่ต้องตอบคำถามคุณ ขอของฉันคืนด้วย” ม่านมัสลินแบมือ

กานนคว้ามือเธอเดินชมทะเล นักข่าวรีบถ่ายภาพแล้วเดินหนี ม่านมัสลินดึงมือออกแล้วต่อว่าเขาชอบเอาเปรียบผู้หญิง กานนย้อนว่าเธอยังเคยจับมือเขาก่อนตอนขึ้นจากเรือ

“คุณกานน ฉันไม่มีเวลาล้อเล่นกับคุณนะ ฉันมีงานต้องทำแล้วผ้านั่นก็สำคัญกับฉันมาก”

“แล้วคุณคิดว่า ผมมีเวลาล้อเล่นกับคุณงั้นเหรอ มัสลิน...ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ ผมไม่อยากรู้จักคุณเลย ถ้าผมรู้ว่าผมจะคิดถึงคุณตลอดเวลา ทุกครั้งที่ผมรู้ว่าจะได้เจอคุณตามลำพัง ผมถึงอยากยื้อเวลาให้มันยาวที่สุด ผมไม่รู้ว่าจะมีโอกาสเจอคุณแบบนี้อีกเมื่อไหร่” กานนดึงผ้ามาพันคอให้ม่านมัสลิน เขาสบตาเธออย่างมีความหมาย

ม่านมัสลินนึกถึงเรื่องต่างๆที่เกิดกับมธุริน จึงตัดใจบอกไปว่า “คงเป็นครั้งสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณที่คืนผ้าให้ฉันนะคะ”

ม่านมัสลินหมุนตัวกลับ เห็นคิมเดินไป เธอใจแป้วรีบวิ่งตามร้องเรียก คิมทำเป็นสะดุ้งหันมาถามว่าหายไปไหนมา ม่านมัสลินอึกอักตอบว่าตนเดินหาเขานั่นแหละ แล้วถามถึงเรื่องพีระพล คิมว่าท่าทางพีระพลจะรู้ตัวว่าพวกเรารู้ คิมแนะให้ม่านมัสลินชวนเกวลินกลับกรุงเทพฯทันทีหลังเสร็จงาน อย่าเพิ่งบอกอะไรเพราะเธอคงไม่เชื่อ

พีระพลส่งภาพกานนจูงมือม่านมัสลินไปให้พินสุดา เธอยิ้มกริ่มจะต้องส่งไปยั่วกุเทพกับมธุริน กุเทพขับรถเอาไปคืนมธุรินที่บ้าน พลันได้รับคลิปภาพกานนจูงมือม่านมัสลินริมทะเลก็นึกเป็นห่วงมธุรินว่าคงได้รับเหมือนกัน จึงรีบบึ่งรถเร็วขึ้น มาถึงสาวใช้รายงานว่า มธุรินอารมณ์ไม่ดีเก็บตัวอยู่บนห้อง ถ้าเขาอยากพบให้ขึ้นไปหา หรือไม่ก็กลับไป

ooooooo

ใกล้เริ่มงาน ม่านมัสลินแต่งหน้าทำผมเสร็จ มาเข้าห้องน้ำก่อนจะแต่งตัว ทีมงานโทร.เร่ง เธอรีบออกจากห้องน้ำปากก็บ่นว่ามันอั้นไม่อยู่จริงๆแล้วรู้สึกว่ามีคนตาม พอหันไปก็เจอกานน เธอโวยว่าเขาไม่มีอะไรทำหรืออย่างไร มาคอยตามตน ไม่ทันไรกลุ่มต่างชาติที่มากับกานนเดินออกมาจากห้องน้ำมาคุยกับเขา ม่านมัสลินหน้าแตกรีบเดินหนีอายๆ กานนยิ้มขำๆ

กานนเดินคุยกับกลุ่มที่มา เจอพีระพลกับลูกน้องหน้าลิฟต์ เขาคุ้นหน้าแต่ยังนึกไม่ออก พีระพลขึ้นมาเคาะประตูโครมๆให้ศิธาเปิดประตูห้อง แล้วกวาดตามองว่าเกวลินอยู่หรือไม่...

กุเทพตัดสินใจขึ้นมาหามธุรินบนห้อง ถามว่าเพราะรูปในคลิปใช่ไหม มธุรินโวย

“มัสลินจงใจจะประกาศตัวเป็นศัตรูกับเดียร์ เดียร์อยากรู้จริงๆเลยว่า เดียร์ ครอบครัวเดียร์ไปทำอะไรให้บ้านเขานักหนา เขาจึงตามราวีไม่จบไม่สิ้นแบบนี้ เดียร์เกลียดมัสลิน เกลียดๆ”

“จะให้ผมพูดยังไงคุณถึงจะเชื่อว่ามัสเขาไม่ใช่คนเลวร้ายอย่างที่คุณคิด คนที่ส่งรูปมาอาจจะไม่ใช่มัสก็ได้”

มธุรินยังกราดเกรี้ยวปามือถือที่มีรูปคลิปเปิดอยู่ทิ้ง แล้วประกาศว่าตนจะไม่อยู่เฉยอีกแล้ว กุเทพกอดปลอบให้ตั้งสติหน่อย เขาขอร้อง พินสุดาเปิดประตูมาเห็นภาพบาดตา สองคนผละออกจากกัน พินสุดาทำทียิ้มแย้มไม่ว่าอะไร มธุรินบอกกุเทพว่า พินสุดาโทร.เข้ามาพอดีตอนได้รับคลิป กุเทพรู้แกวแกล้งพูดกระทบว่า เพื่อนกำลังแย่หวังว่าคงไม่ทำอะไรให้มันแย่กว่าเดิม กุเทพขอตัวกลับ พินสุดาตามมากระซิบ แสดงความเสียใจเรื่องม่านมัสลินกับกานน

“ไม่ต้องยุ่งเรื่องของผม เอาเวลาไปเสแสร้งทำดีให้คุณเดียร์เชื่อเหอะ” กุเทพเคือง...

เสร็จงานเดินแบบ ลูกน้องเกวลินยืนส่งนางแบบขึ้นรถกลับ พอเห็นม่านมัสลินก็นึกได้ว่าลืมบอกเกวลินตามที่ม่านมัสลินสั่งไว้ว่าให้รอพบก่อน ม่านมัสลินจึงต้องไปเดินหาเกวลิน เจอกำลังหอบของจะกลับขึ้นห้อง ม่านมัสลินชวนกลับกรุงเทพฯขอนั่งรถไปด้วย

“ฮึ้ย พี่กลับพรุ่งนี้นะ คืนนี้พี่ค้างที่นี่กับศิธาไง ลืมไปแล้วเหรอ”

ม่านมัสลินแกล้งทำหน้าเศร้าว่ามีเรื่องด่วน เกวลินเป็นห่วงจึงบอกให้รอเดี๋ยว ไปบอกศิธาก่อนแล้วจะกลับด้วย ม่านมัสลินรั้งไว้ เกวลินว่า

“ทิ้งเขาก็แย่พอแล้ว ใจคอจะไม่ให้พี่ไปเจอหน้าเขาหน่อยเหรอ”

“ก็ได้ค่ะ รีบลงมานะคะ” ม่านมัสลินใจอ่อน

ศิธากำลังขอร้องพีระพลอย่ามีเรื่องเลย ตนบอกแล้วว่าแค่มาเอาเงินที่เหลือเท่านั้น แต่พีระพลไม่ฟังอีกแล้ว เพราะศิธาก่อหนี้สินเองถึงต้องมาหลอกเอาเงินจากเกวลิน แต่ตนไม่ยอมให้เขาไปยุ่งกับใครแน่ ศิธาโมโหโพล่งไปว่าอยากทำอะไรก็ทำไปอย่าให้เดือดร้อนถึงเขาแล้วกัน

ม่านมัสลินกระวนกระวายอยู่หน้าลิฟต์รอเกวลิน กานน ออกมาจากลิฟต์แปลกใจ ม่านมัสลินถามว่าเขาลงมาจากชั้นไหน เห็นเกวลินไหม กานนถามว่าเกิดอะไรขึ้น

“ฉันกำลังสงสัยว่าเขาจะถูกทำร้ายน่ะค่ะ”

“คุณไม่ได้พูดเล่นใช่มั้ย”

“ฉันไม่เอาเรื่องความเป็นความตายมาล้อเล่นหรอกค่ะ”

คิมเดินรี่เข้ามาบอกว่าพวกพีระพลหายไปแล้ว กานนได้ยินชื่อจึงนึกออกว่าคนที่เจอหน้าลิฟต์คือน้องชายพินสุดา

“ผมว่าแล้วทำไมคุ้นๆ ผมเห็นเขาขึ้นลิฟต์ไปข้างบน น่าจะเป็นชั้นแปดนะฮะ”

คิมรีบบอกให้ม่านมัสลินแจ้ง รปภ.ตามขึ้นไป แล้วรีบขึ้นลิฟต์ไปก่อน ม่านมัสลินเป็นห่วงจะตามขึ้นไปแต่ไม่รู้ห้องไหน กานนจึงไปเป็นเพื่อน

เกวลินขึ้นมาบนห้อง วางของ ศิธาพยายามส่งซิกให้กลับไปก่อน แต่เธอไม่เข้าใจ พีระพลก้าวออกมาชกเปรี้ยงเข้าที่หน้าเกวลิน แล้วบอกศิธาให้บอกไปว่าตนเป็นใคร ศิธาขอร้องอย่าทำรุนแรง แต่พีระพลกลับบอกว่า

“ในฐานะที่เธอก็ดูแลศิธามามาก ฉันสั่งสอนเธอแค่เบาะๆเท่านี้ล่ะ ที่เหลือลูกน้องฉันจะให้ประสบการณ์แบบที่เธอลืมไม่ลง”

“โก้ คุณทำกับเขาแบบนี้ไม่ได้นะ” ศิธาเข้าขวาง

พีระพลดึงศิธาออกแล้วสั่งลูกน้องจับตัวเกวลินไว้ สองคนหน้าหื่นเข้าหา พีระพลดึงศิธาออกมานอกห้อง บอกเขาว่าแค่นี้เกวลินไม่ถึงตายหรอก ม่านมัสลินกับกานนออกจากลิฟต์มาประจันหน้ากับทั้งสองคน สองคนรีบก้าวเข้าลิฟต์ ม่านมัสลินจะตาม

“ไอ้คนนี้แหละนายโก้ คนที่จะทำร้ายพี่เก๋ คุณปล่อยฉัน” ม่านมัสลินดิ้นเพราะกานนดึง

กานนเตือนว่าไปช่วยเกวลินก่อนดีกว่า...ลูกน้อง

พีระพลชกท้องเกวลินจนจุกและตบจนหมดสติไป กำลังจะลวนลาม กานนผลักประตูเข้ามาถีบสองคนกระเด็น คิมตามมาทันชักปืนขู่ กานนบอกให้เรียกรถพยาบาลด่วน คิมจึงยื่น มือถือให้ม่านมัสลินที่ดูตกใจทำอะไรไม่ถูก สองคนฉวยโอกาสเตะปืนคิมกระเด็นแล้ววิ่งหนี คิมจะตาม กานนห้ามไว้ให้ช่วยเกวลินก่อน ม่านมัสลินยังร้องไห้จะทำอย่างไรดี คิมจึงสวมกอดม่านมัสลินปลอบ กานนมองอย่างกระอักกระอ่วนใจ

ooooooo

ตั้งแต่เห็นกุเทพกับมธุรินใกล้ชิดกัน พินสุดาก็หมดความหวังดีต่อมธุรินอีก ปล่อยมธุรินดื่มเหล้าจนเมา พินสุดานัดพีระพล พีระพลเล่าไปถึงเรื่องที่เจอม่านมัสลินกับกานนด้วย ทำให้มธุรินซึ่งเมาอยู่โวยวายโกรธเกลียดม่านมัสลินอยากให้ย่อยยับไปกับตา พินสุดายิ้มกริ่มสั่งพีระพลกับศิธาจัดการม่าน-มัสลินอย่างที่มธุรินต้องการ

เกวลินได้รับการปฐมพยาบาลแต่ต้องนอนพักรักษาตัวต่อ เกวลินจำไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน จำได้แค่ว่ากำลังขึ้นห้องไปหาศิธา หมอบอกว่าเพราะจิตใจได้รับความกระทบ กระเทือน ม่านมัสลินหลบมาร้องไห้ กานนตามมาปลอบ เธอถามว่าควรเล่าให้เกวลินฟังไหม กานนตอบว่าไม่ใช่เวลานี้ เขาจะปรึกษาเพื่อนที่เป็นตำรวจดูจะได้เอาผิดคนร้ายได้ ม่านมัสลินจ้องหน้าถาม

“ทั้งที่นายโก้เป็นน้องของพินสุดา แล้วพินสุดาก็เป็นเพื่อนสนิทของมธุรินนะคะ”

“แล้วไง นี่คุณกำลังคิดว่าผมจะเข้าข้างคนผิดงั้นสิ”

“ก็แล้วมันน่าคิดมั้ยล่ะ ช่วยไม่ได้นะ ภายในหนึ่งอาทิตย์ ผู้หญิงที่ฉันรักถูกไอ้คนชั่วทำร้ายร่างกายถึงสองคน ฉันจะไว้ใจใครได้อีก”

“มัสลิน คุณกำลังดูถูกผมนะ”

“คุณจะคิดยังไงมันก็เรื่องของคุณ ช่วยไม่ได้นะ ยิ่งอยู่ใกล้คุณ ฉันก็ยิ่งรู้สึกไม่ปลอดภัย”

“คุณกลัวตัวเองน่ะสิ” กานนเห็นม่านมัสลินขมวดคิ้วจึงรุก “คุณกลัวว่าคุณจะรักผม”

“ไม่หลงตัวเองมากไปหน่อยเหรอคะ” ม่านมัสลินเสียงกร้าว

กานนดึงเธอเข้ามาประชิดประสานสายตา “งั้นจ้องตาผมสิ แล้วบอกว่าคุณไม่ได้สนใจผม ผมจะไม่ยุ่งกับคุณอีกเลย...คุณปฏิเสธหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกมัสลิน”

คิมออกไปโทรศัพท์สั่งงาน กลับเข้ามาเห็นกานนกับม่านมัสลินก็ชะงัก พยาบาลตามเข้ามา “ขออนุญาตวัดปรอทคนไข้นะคะ”

สองคนผละจากกัน คิมแอบหลังประตูเข่นเขี้ยว ปล่อยให้กานนนำไปก่อน...

กุเทพมารอม่านมัสลินที่บ้าน จิรดาชวนดื่มเหล้า เขาปฏิเสธแต่ชวนคุยเรื่อยเปื่อย จิรดาไม่มีเงินจะออกไปบ่อน แถมม่านมัสลินเก็บกุญแจรถไว้จึงขอร้องให้กุเทพไปส่งที่บ่อน ม่านมัสลินกลับมาพอดี ไม่ให้ไป จิรดาโวยวายด่า ม่านมัสลินอายกุเทพแต่ต้องกล้ำกลืน จิรดาขึ้นห้องไป

ม่านมัสลินบอกกุเทพ “ถ้าลำบากใจพี่กุไม่ต้องพูดอะไรก็ได้ค่ะ มัสเข้าใจ ทั้งเรื่องแม่แล้วก็พี่เก๋ มันเกิดขึ้นเพราะคนใกล้ตัวพี่กุทั้งนั้น”

“แล้วมัสจะทำยังไงต่อไป”

“พ่อของมธุริน มัสคงเอาเรื่องด้วยยาก อย่างมากก็ดูแลคนของเราให้ดี ไม่ให้ไปยุ่งกับเขาอีก ส่วนเรื่องของพี่เก๋ ก็ขึ้นอยู่กับความจำของพี่เก๋ค่ะ”

กุเทพเข้าใจดี เขาให้เธอพักผ่อน ไม่ต้องห่วง ถึงพีระพลจะเป็นน้องพินสุดา เขาไม่เข้าข้างหรอก พรุ่งนี้เขาจะไปเยี่ยมเกวลินแล้วคุยกันว่าจะทำอย่างไรต่อไป กุเทพอยากถามเรื่องคลิปแต่เห็นเธอมีเรื่องหนักพออยู่แล้วจึงเก็บไว้ก่อน...

ม่านมัสลินเดินจะเข้าห้อง จิรดาแต่งตัวออกมา

ม่านมัสลินบอกว่ากุเทพกลับไปแล้วให้พักผ่อนเถอะ จิรดาโวยวายทุบตียกใหญ่

“มัสทำทุกอย่างเพราะมัสรักแม่นะคะ”

“คิดว่าฉันจะเชื่อแกเหรอ แกมันโกหกเหมือนพ่อแก หลอกฉัน ไม่เคยซื่อสัตย์กับฉัน เทิดทูนนังบัวบงกชทั้งที่มีฉัน ฮือ...” จิรดาร้องไห้คร่ำครวญ

“ไม่จริงนะคะแม่ พ่อไม่ได้เป็นอย่างที่แม่พูด พ่อรักแม่นะคะ”

“พ่อแกน่ะเหรอรักฉัน ฮ่ะๆๆฉันไม่ยักกะเคยได้ยินจนกระทั่งวันตาย พ่อแกก็ไม่เคยบอกรักฉันสักครั้ง ใช่...เขาไม่เคยเลย” จิรดาเศร้าลง ม่านมัสลินกอดเธอแล้วประคองพาเข้าห้องนอน

จิรดาคร่ำครวญ ม่านมัสลินกอดแม่ร้องไห้บอกว่าตนรักแม่ ขอให้แม่รักตนบ้าง...ปลอบจิรดาจนหลับ ม่านมัสลินกลับมานั่งเสียใจในห้อง นึกถึงคำพูดของกานนแล้วต้องตัดใจให้ได้

ooooooo

คืนนั้น กานนกลับบ้านในสภาพเหนื่อยอ่อน เจอกุเทพดื่มเหล้าที่เคาน์เตอร์ก็แปลกใจ เพราะไม่เคยเห็นมาก่อน กุเทพร้องทักแล้วถาม

“ดูท่าทางอามีเรื่องอยากเล่าให้ผมฟังเยอะ”

“แกรู้เรื่องแล้วใช่มั้ย”

“เอาเรื่องไหนล่ะครับ เรื่องพี่เก๋ถูกทำร้าย เรื่องมัสกับคุณเดียร์ตบตีกัน หรือว่าเรื่องอาปลิวกับมัสเดินจูงมือกันที่ริมทะเล”

“แกพูดอะไรของแกไอ้กุ”

“อาปลิวคิดยังไงกับมัสลินครับ”

“ฉันไม่ได้อยากให้มันเป็นแบบนั้น”

“แบบไหนเหรอครับอา อาคิดกับมัสลินแบบไหน อาตอบผมมา”

“ไอ้กุ ถ้าขืนแกเสียงดังใส่ฉันแบบนี้ ฉันจะไม่คุยกับแกนะ”

“มัสลินเป็นผู้หญิงที่ผมรัก ผมเลิกกับกิ๊บก็เพราะอยากคบกับมัส ที่ผมทำร้านเพชรก็เพราะอยากตั้งตัว แล้วก็ขอเขาแต่งงาน ผมรอคอยมัสมาตลอด”

“ไอ้กุ แกฟังฉันนะ” กานนหน้าชาพยายามจะอธิบาย

“อาจะบอกใช่มั้ยฮะว่าไม่รู้ นี่น่ะเหรอครับ คนที่เป็นอาเขาทำอย่างนี้กับหลานแท้ๆน่ะเหรอครับ”

“ไอ้กุ แกหยุดลามปามฉันได้แล้วนะ ก่อนที่ฉันจะชกหน้าแก”

กุเทพก้าวประชิดท้าให้ชก อุษยาได้ยินเสียงเอะอะเข้ามาดู กานนกระซิบกับกุเทพว่า ตนดูแลเขามาจนโตไม่มีวันทำให้เขาเสียใจ และเรื่องนี้ก็ไม่คิดว่ามันจะเกิดขึ้น วันหนึ่งเขาจะเข้าใจ

วันรุ่งขึ้น จิรดาตื่นมางงๆว่าตนมานอนในห้องได้อย่างไร คิดทบทวนจำได้ว่าม่านมัสลินปลอบตนจนหลับ พอลงมาข้างล่าง ได้ยินม่านมัสลินสั่งแป้นให้ดูแลแม่ด้วย ตนทำอาหารไว้ให้เรียบร้อยแล้ว จิรดาได้ยินแล้วใจแป้วรำพึง “แกมันบ้า นังมัสลิน นังเด็กโง่...”

มธุรินมาที่ร้านเพชรซึ่งเปิดขายแล้ว มีพนักงานร้านเรียบร้อย เธอเล่าให้กุเทพฟังว่า ตนเมามาก ดีที่พีระพลไปส่งบ้าน กุเทพสะดุดหูมองหน้าเธอ มธุรินขอโทษที่ทำให้เสียฤกษ์เปิดร้าน

“ไม่เป็นไรครับ ก็เปิดไปพลางๆก่อนอย่างนี้แหละ พร้อมอีกทีเมื่อไหร่ค่อยจัดงานก็ได้ เมื่อกี้คุณบอกว่านายโก้น้องกิ๊บเนี่ยเหรอฮะไปส่งคุณที่บ้าน”

“ค่ะ เขาตามมาเจอพวกเดียร์เมื่อคืน เห็นว่าเพิ่งกลับจากต่างจังหวัด”

“แล้วมันไม่ได้บอกเหรอครับว่า พวกมันทำเรื่องเลวระยำอะไรไว้ที่หัวหิน”

“คุณกุเทพพูดเรื่องอะไรคะเนี่ย” มธุรินตกใจไม่รู้เรื่องอะไรเลย

กุเทพไม่ทันตอบ พินสุดาเข้ามาส่งเสียงเจื้อยแจ้ว กุเทพหันมากระชากแขนถามว่าพีระพลอยู่ไหน พินสุดาทำเป็นตกใจบอกให้ระวังลูกค้าตกใจ กุเทพถามรู้ไหมว่าน้องชั่วๆของเธอทำอะไรกับเกวลิน พินสุดาทำเป็นไม่รู้เรื่องแล้วถามว่าพีระพลเกี่ยวอะไรด้วย

“เกี่ยวไม่เกี่ยวไม่รู้ ถึงเวลาที่ตำรวจไปลากคอเข้าคุกก็เอาตัวรอดให้ได้ละกัน”

“สงสัยจะไม่มีวันนั้นมังคะ เพราะเท่าที่รู้ พี่เก๋จำอะไรไม่ได้เลยไม่ใช่เหรอคะ แล้วจะเป็นเจ้าทุกข์แจ้งจับใครได้ยังไง” พินสุดาเยาะเย้ย

มธุรินงงกับเรื่องที่ได้ยิน พินสุดาหัวเราะแล้วบอกว่า “ไม่มีอะไรหรอกจ้ะ กุเขาเข้าใจผิดน่ะ จะว่าไปยังมีเรื่องน่าตกใจกว่าเรื่องพี่เก๋เยอะ ที่กิ๊บมาเนี่ยตั้งใจจะมาหากุโดยเฉพาะเลยนะคะ เห็นคลิปมัสลินรึยังคะ”

“คลิปอะไร” กุเทพงุนงง

“บอกได้คำเดียวค่ะว่าเสื่อม...” พินสุดาปรายตามอง มธุริน “น่าจะถูกใจแกนะเดียร์”

มธุรินมองสายตาเพื่อนแล้วนึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่ตนมึนเมาและพูดอะไรออกไปอย่างไม่ตั้งใจ พินสุดาถามทำไมทำหน้าอย่างนั้น มธุรินลากพินสุดาออกมาคุยลำพัง...พินสุดาเปิดคลิปภาพเปลือยของม่านมัสลินกับชายคนหนึ่งที่ให้พีระพลทำขึ้นมาให้ดู

“เมดทูออเดอร์ไงจ๊ะ ก็เพื่อนสั่งให้จัดการกับมัสลิน นายโก้ก็เลยจัดให้ว่อนเน็ตเลยจ้ะ”

“ฉันไม่ได้อยากให้เป็นอย่างนี้ ทำไมแกทำอย่างนี้ล่ะ” มธุรินมือไม้สั่น

“นี่อย่ามาโบ้ยความผิดให้ฉันนะ แกจำไม่ได้เหรอว่าเมื่อคืนแกบังคับนายโก้ให้ทำคลิปนี้”

มธุรินส่ายหน้าไม่เชื่อ พินสุดายิ้มเยาะเปิดภาพอื่นๆให้ดูอย่างสะใจ...

ooooooo

สถานีโทรทัศน์ใหญ่ เรียกม่านมัสลินเข้าไปคุยเรื่องจะให้เธอเล่นละครของช่อง และจะจัดให้เซ็นสัญญาเป็นทางการต่อไป ม่านมัสลินดีใจซื้ออาหารการกินกลับบ้านมาให้แม่ดีใจด้วย

คิมเห็นภาพในเน็ตรีบโทร.หาม่านมัสลิน เธอบอกว่าอยู่บ้านกำลังจะฉลองกับแม่ จิรดาเดินออกมา ม่านมัสลิน
รีบวางสายคิม แล้วคุยกับแม่ว่า ตนมีงานละคร ต่อไปจะมีเงินไถ่ถอนบ้านและเลี้ยงแม่ พาแม่เที่ยว จิรดายิ้มละเหี่ย

“ดีกับฉันไปก็ไม่ได้อะไรหรอก อย่ามาหวังอะไรกับฉันเลย”

ไม่ทันไร ทางช่องโทร.มาเลื่อนการเซ็นสัญญาออกไปไม่มีกำหนด ม่านมัสลินยืนนิ่ง ไม่กล้าบอกแม่ พยายามฝืนร่าเริงต่อไป

คิมสั่งลูกน้องสืบหาที่มาของคลิปโป๊นี้ และให้ตามลบทิ้งให้หมดทุกเว็บ ท่าทางคิมหัวเสีย ไม่ทันไร ม่านมัสลินโผล่มาที่บริษัท ท่าทางเธอเศร้ามากคิมต้องประคองให้นั่งแล้วบอกว่า

“ไอ้คนทำมันเลวมาก ลูกน้องผมจัดการไล่ลบคลิปแล้ว”

“ไม่มีประโยชน์หรอก ป่านนี้คงเห็นกันทั่วเมืองแล้ว พรุ่งนี้นักข่าวคงเล่นข่าวนี้แน่ๆ”

คิมถามว่าดึกป่านนี้ออกมาได้อย่างไร น่าจะโทร.เรียกเขาไปหา

“วันนี้มัสเพิ่งได้คุยดีๆกับแม่เป็นครั้งแรกในรอบกี่ปีก็ไม่รู้ แม่ดีใจกับมัสในเรื่องงานละคร ถ้าแม่รู้ข่าว รู้ว่ามัสถูกเลื่อนเซ็นสัญญาละคร แม่จะเป็นยังไงบ้างนะคะคิม”

คิมกอดม่านมัสลินที่ร้องไห้สะอึกสะอื้น และว่าเขาจะคุยกับจิรดาให้เอง...วันรุ่งขึ้น จิรดาอารมณ์ดี ออกมาซื้อโจ๊กปากซอยเผื่อม่านมัสลินด้วย คุยโวกับแม่ค้าว่าลูกสาวจะได้เล่นละคร แม่ค้าดีใจด้วย แต่ไม่ทันไร จิรดาเห็นข่าวในหน้าหนังสือพิมพ์ก็ตกใจหน้าซีด คว้าหนังสือพิมพ์กำแน่นเดินกลับบ้านด้วยความโกรธ ลืมโจ๊กที่แม่ค้าร้องเรียกให้กลับไปเอา

ม่านมัสลินตื่นขึ้นมา นึกได้เกรงจิรดาจะเห็นข่าวคลิปอุบาทว์ของตน รีบลงมาข้างล่าง พัดบอกว่าจิราดาออกไปซื้อโจ๊กให้เธอ แป้นถือหนังสือพิมพ์หน้าตื่นเข้ามา ม่านมัสลินตกใจรีบพับเก็บกลัวแม่เห็น ไม่ทันเสียแล้ว จิรดาหน้าดุดันกลับมา ตรงเข้าตบหน้าม่านมัสลิน

“นังลูกสารเลว ฉันไม่น่าเผลอคิดดีๆกับแกเลย แกมันชั่วเพราะเลือดชั่วๆในตัวแก”

พัดเข้าขวางไม่ให้จิรดาตบตีม่านมัสลินอีก เธอร้องไห้สะอึกสะอื้นเสียใจที่แม่ไม่ฟังเหตุผลเธอบ้าง แป้นยืนงงงันทำอะไรไม่ถูก

ooooooo

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย บทประพันธ์ วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ฉายฉันท์
  • 11 กันยายน 2554, 07:50 น.

อ่านบทละคร ในรอยรัก ตอนที่ 5

กานนออกมาดูหน้าบ้าน เห็นเพียงท้ายรถโฟล์คที่วิ่งไปมีควันดำพวยพุ่งออกมาเท่านั้น...หนีพ้นมาได้ ม่านมัสลินต่อว่าคิมที่ให้มาช่วย กลับกลายเป็นมาหาเรื่อง คิมน้อยใจแกล้งพูดให้จอดรถเลย เขาจะลงตรงนี้ รถม่านมัสลินจอดกึก คิมรีบบอกว่าเขาล้อเล่น แต่ม่านมัสลินยิ้มเจื่อนๆ สารภาพไม่ได้ล้อเล่น เพราะรถมันเสียจริงๆ คิมหน้าเหวอ

กุเทพขับรถมาจอดหน้าบ้านม่านมัสลิน กำลังจะกดกริ่ง แท็กซี่เข้ามาจอด ม่านมัสลินลงจากรถมาพร้อมคิม กุเทพหงุดหงิดที่เห็นกลับมากับคิมอีกแล้ว เข้าไปดึงเธอบอกว่ามีเรื่องจะคุยด้วย แต่เธอกลับให้คุยมาเลยเพราะคิมเป็นเพื่อน กุเทพเหล่คิมก่อนจะเอ่ยว่าเรื่องเธอกับกานน

“อาปลิวน่ะทั้งหล่อทั้งเก่ง ขยับตัวทำอะไรก็เป็นข่าวไปซะหมด” กุเทพเกทับคิม

“ข่าวในหนังสือพิมพ์ที่คุณให้ผมดูน่ะเหรอ ไม่เห็นมีอะไรเลยนี่ ก็แค่รูปถ่ายธรรมดาๆ”

คิมถามม่านมัสลินหน้าตาเฉย กุเทพหุบยิ้มทันที “นี่มัสเล่าให้หมอนี่ฟังก่อนพี่เหรอ”

“พี่กุคะ ก็บอกแล้วไงว่าคิมเขาเป็นเพื่อนมัสคนหนึ่ง มีปัญหาอะไรก็ปรึกษาเขา ก็เหมือนกับที่มัสปรึกษาพี่กุ”
กุเทพโวย “เหมือนพี่...”

ม่านมัสลินโอดโอยพูดอะไรก็ผิดไปหมด เปลี่ยนเรื่องมาถามถึงกานนว่าอย่างไรกับเรื่องข่าวบ้าง กุเทพงอนเดินกลับไปที่รถ ม่านมัสลินเรียกไว้ เขานึกว่าจะง้อ ที่ไหนได้กลับฝากคิมไปลงปากซอย กุเทพยิ่งโกรธไม่ให้ไป ม่านมัสลินหันมายิ้มแหยๆกับคิม คิมถามนี่หรือพี่ชายใจดี...

คืนนั้น มธุรินเที่ยวผับดื่มกับพินสุดาจนเมา ขับรถเรื่อยเปื่อยมาจอดหน้าบ้านกานน นึกถึงวันแรกที่ตนพบกับเขาสิบปีก่อน ท่าทีเขาสุภาพกับตนอย่างไรก็ยังเหมือนเดิม เธอร้องไห้อยู่ในรถสรุปในใจว่า ตนคงคิดไปเองฝ่ายเดียวว่าเขาเป็นคนรัก...ขณะที่กานนกำลังรวบรวมข้อมูลที่ไปเอามาจากบ้านเก่า มธุรินโทร.เข้ามา น้ำเสียงร้องไห้เมามาย รำพันว่าเขาคิดอย่างไรกับเธอ กานนตกใจรีบถามว่าเธออยู่ที่ไหน แต่มธุรินไม่ทันฟังเพราะมัวชะโงกหน้าออกไปอาเจียนนอกรถ กานนว้าวุ่นใจ กดโทร.หามธุรินแต่ไม่ติด พลันมีสายโทร.สวนเข้ามา กานนแปลกใจที่เป็นม่านมัสลิน แต่คิดว่ากุเทพคงใช้โทร.เข้ามาอีก จึงรับสาย แล้วต้องตกใจเพราะเป็นเธอจริงๆ

“ค่ะ ฉันเอง ไม่ทราบว่ารบกวนคุณรึเปล่าคะ”

“เอ่อ...ไม่ครับ คุณมีเรื่องอะไรด่วนรึเปล่า”

ม่านมัสลินบอกว่าอยากคุยเรื่องข่าว กานนไม่ตกใจเห็นเป็นเรื่องธรรมดา ม่านมัสลินเคือง

“ฉันก็ไม่ได้คิดต่างไปจากคุณสักเท่าไหร่หรอกถ้าแฟนคุณไม่หอบข่าวนั่นมาเอาเรื่องฉัน”
   

กานนเอ่ยชื่อมธุรินออกมา ม่านมัสลินสะเทือนใจที่เขายอมรับ กานนขอให้เธอเรียกชื่อมธุรินหรือเดียร์ อย่าเรียกว่าแฟนเขา ม่านมัสลินไม่สนใจ ขอให้เขาไปยืนยันกับมธุรินว่าไปบ้านตนเพราะแค่ส่งยาย ส่วนรูปไม่รู้ว่าใครเป็นคนถ่าย เขาคงไม่คิดว่าตนเป็นคนทำ

“ร้อนตัวไปใหญ่แล้ว ก็บอกแล้วไงมันเรื่องไม่เป็นเรื่อง ผมไม่คิดอะไรทั้งนั้น โอเคมั้ย”

“ฉันก็แค่ไม่ชอบการเข้าใจผิด”

“อันที่จริงผมควรเป็นฝ่ายโทร.หาคุณ แต่พอดีผมวุ่นๆอยู่กับเรื่องคุณปู่”

ม่านมัสลินสลดลงถามอาการเจ้าสัว กานนตอบว่า พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ยังต้องนอนโรงพยาบาล ม่านมัสลินถามว่ามีอะไรให้ตนช่วยแล้วไม่เดือดร้อนเขาให้บอก กานนยิ้มย้อนถามว่าจริงหรือ ม่านมัสลินย้ำว่าตนมีส่วนทำให้เจ้าสัวป่วย ตนไม่มีวันสบายใจ กานนได้ทีให้เธอช่วยตามหาคน พรุ่งนี้เขาจะไปรับที่บ้านแต่เช้า ม่านมัสลินค้านว่าจะช่วย ไม่ได้จะไปไหนด้วย กานนไม่สนใจถือว่าเธอรับปากแล้ววางสายไปเลย ม่านมัสลินกำลังงุ่นง่าน มือถือดังขึ้นอีก เธอรีบรับ

“ฮัลโหล...นี่คุณ...ใช่...มัสลินพูด” ม่านมัสลินต้องชะงัก เพราะปลายสายบอกว่าเป็นมธุริน

ม่านมัสลินวิ่งออกไปหน้าบ้าน พบรถมธุรินจอดอยู่ แต่ตัวเธอเมา คุยด้วยสักพักก็หลับไม่ตื่นเสียแล้ว ม่านมัสลินจำต้องขับรถมธุรินไปส่งที่บ้าน ปลุกเธอให้เรียกคนในบ้านออกมารับ แต่เธอก็ไม่ยอมตื่น จึงคิดจะโทร.เรียกคนในบ้านออกมา พลัน รถเตชแล่นมา พอเห็นรถลูกสาวจอดอยู่หน้าบ้านก็ตกใจลงมาดู เขาตบประตูเรียก ม่านมัสลินเข้ามาบอกว่า ลูกสาวคุณแค่หลับไป

เตชเข้าใจว่าม่านมัสลินทำร้ายมธุริน “คนบ้าอะไรมันจะหลับคอตกแบบนี้ เธอทำอะไร”

“ถามลูกคุณดูเองเถอะ...ของมธุริน” ม่านมัสลินยื่นมือถือคืนให้

เตชปัด มือถือตกแตกกระเด็น แล้วคว้าไหล่เธอมาบีบแน่น “เรื่องที่บริษัทฉันเมื่อวันก่อน ฉันยังไม่ได้คิดบัญชีกับเธอ แล้วนี่อะไร เธอกล้าดียังไงมายุ่งกับลูกสาวฉัน นังเด็ก เมื่อวานซืน วันนี้แกได้เห็นฤทธิ์ฉันแน่”

“คุณเป็นพ่อฉันรึไง ทำไมฉันต้องกลัวคุณ ปล่อยฉันนะ” ม่านมัสลินบิดตัวออกจากมือเขา

เมื่อเตชไม่ปล่อย ม่านมัสลินจึงกัดแขนเขาเต็มแรง เตชโมโหผลักเธอล้มอย่างแรง ไฟรถสาดใส่ บัวบงกชวิ่งลงมาประคองร่างม่านมัสลิน แล้วต่อว่าเตช เป็นลูกผู้ชายหรือเปล่าทำร้ายเด็ก

“นี่คุณกำลังด่าผมต่อหน้านังเด็กนี่นะบัว”

ม่านมัสลินสะบัดตัวออกจากบัวบงกช แล้วโวยใส่ “เพราะมีพ่อแม่อย่างคุณสองคนนี่ยังไง ลูกคุณถึงได้เมาไม่รู้เรื่องแบบนั้น”

บัวบงกชรีบไปดูแลมธุริน ม่านมัสลินหันมาเล่นงานเตชอีก “บอกลูกสาวคุณด้วยว่าเลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว กานนไม่เคยอยู่ในสายตาฉัน แล้วจำไว้ด้วยนะว่า ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะทำกับฉันได้ฝ่ายเดียว”

“หยุดนะมัสลิน เธอไม่มีสิทธิ์พูดกับคุณเตชแบบนี้”

“คุณคงอยู่กับการออกคำสั่งเสียจนชิน ขอโทษนะ  คุณไม่ใช่แม่ฉัน เก็บคำสั่งสอนไว้ใช้กับลูกสาวขี้เมาของคุณเหอะ” ม่านมัสลินหัวเราะ แล้วผละไป

บัวบงกชสะอึกกับคำพูดแทงใจ จะวิ่งตามม่านมัสลิน เตชห้ามไว้ให้ดูแลลูก บัวบงกชน้ำตาอาบแก้ม เตชไม่พอใจที่เธอร้องไห้ให้กับม่านมัสลิน บัวบงกชละล้าละลัง ตัดสินใจบอก เตชพาลูกเข้าบ้าน ตนไม่อาจปล่อยให้ม่านมัสลินกลับบ้านคนเดียวดึกดื่นแบบนี้

“เพราะมันเป็นลูกไอ้ภาษิต อลงกรณ์ใช่มั้ย” เตชตะโกนไล่หลังอย่างเจ็บปวด

ooooooo

วันรุ่งขึ้น ม่านมัสลินตื่นนอนเพราะเสียงเคาะเรียกของแป้น พอมองนาฬิกาต้องตกใจเพราะสายโด่ง แป้นร้องบอกว่ามีคนมารอ ม่านมัสลินนึกได้สงสัยจะเป็นกานน

ม่านมัสลินจำต้องนั่งรถกานนไปอย่างไม่ค่อยเต็มใจเท่าไหร่ที่ยอมออกมาเพราะจิรดาอยู่บ้าน ไม่อยากให้เจอกัน กานนถามว่าลืมนัดของเขาหรือ ม่านมัสลินว่าเขาทึกทักไปคนเดียว

“คุณจะพูดให้เหนื่อยไปทำไม ยังไงตอนนี้คุณก็อยู่กับผมแล้ว และสิ่งที่ผมขอให้คุณช่วยมันก็ทำให้คุณปู่ผมอาการดีขึ้นแน่ๆ หรือคุณไม่อยากให้เป็นอย่างนั้น”

“งั้นก็ขับเร็วเข้า ฉันเองก็อยากออกนอกเมืองเต็มที”

“เอ๊ะ คุณนี่ยังไงนะ เปลี่ยนไปเปลี่ยนมา ตามไม่ถูกเลยแฮะ”

ม่านมัสลินเอนตัวลงนอนอิงประตู บอกเขาถึงแล้วปลุกด้วย กานนถามเมื่อคืนอดนอนหรือ ม่านมัสลินเจ็บใจ “ก็จะใครที่ไหนล่ะ แฟนคุณนั่นล่ะ ช่างเหอะ ฉันหลับดีกว่า”

กานนเหล่มองแล้วบึ่งรถมุ่งสู่ฉะเชิงเทรา...ในขณะที่บ้านมธุรินร้อนรุ่ม ไม่มีใครมีความสุข สามคนพ่อแม่ลูกนั่งโต๊ะอาหารร่วมกันแต่ไม่พูดจากัน จนมธุรินอึดอัดขอตัวไปทำงานก่อน บัวบงกชเปล่งเสียงขึ้นว่า คงไม่ลืมว่าเรามีเรื่องต้องคุยกัน มธุรินเสียงอ่อย

“เดียร์ก็แค่ไปเที่ยวกับเพื่อนนิดหน่อย”

“นิดหน่อยเหรอ การที่ลูกหลับไม่ได้สติกลับบ้านเองยังไม่ได้ เรียกว่านิดหน่อยงั้นเหรอแล้วอย่าคิดนะว่าแม่ไม่รู้ว่าคนที่ลูกไปด้วยน่ะคือยัยกิ๊บ”

มธุรินเหลือบมองเตชเกรงโดนรุม เขาวางช้อนส้อมจะลุกหนี บัวบงกชเรียกไว้ ตนมีเรื่องต้องคุยกับเขาเหมือนกัน เตชบอกว่าเขามีประชุม บัวบงกชขอพูดสั้นๆไม่เสียเวลา มธุรินเผ่นหนีออกไปพร้อมสาวใช้ เตชถามว่ามีอะไรว่ามา

“ฉันขอให้เรื่องเมื่อคืนเป็นครั้งสุดท้ายที่คุณจะทำร้ายหรือยุ่งเกี่ยวกับม่านมัสลิน”

“คุณน่าจะเฉลยสักนิดนะว่าตกลงมันคือลูกของไอ้ภาษิต ผมจะได้รู้ๆไปซะทีว่าที่คุณห่วงใยนังตัวแสบนั่นนักหนา ก็เพราะมันเป็นลูกของแฟนเก่า”

“คุณเชื่ออย่างนั้นเหรอคะ”

“แล้วคุณว่าผมเดาเรื่อยเปื่อยรึไง”

“เปล่าค่ะ ดีซะอีกที่คุณรู้ซะทีว่าม่านมัสลินเป็นลูกของภาษิต”

“แล้วนั่นมันก็เป็นเหตุผลที่คุณปกป้องลูกมันมากกว่าลูกของตัวเอง”

บัวบงกชขอให้ให้เกียรติคนที่ตายไปแล้วบ้าง แล้วขอตัวไปทำงาน เตชทุบโต๊ะคับแค้นใจ มธุรินเดินออกมามองตามแม่อย่างเสียใจ นึกถึงที่พินสุดาเคยบอกว่าภาษิตกับแม่เป็นแฟนเก่ากัน

ooooooo

   
ในตลาดเก่าจังหวัดฉะเชิงเทรา กานนกับม่าน-มัสลินเดินอยู่ด้วยกัน ม่านมัสลินแปลกใจว่าตนไม่เคยเล่าให้เขาฟังว่าครอบครัวเคยอยู่ที่นี่ตอนเด็ก กานนว่าเธอไม่อยากจำมากกว่าเพราะไม่อยากสุงสิงกับเขา ม่านมัสลินหมั่นไส้ ถามว่าต้องการให้ตนช่วยอะไรและให้บอกรูปร่างหน้าตาของย่าเล็กที่จะให้ตนถามชาวบ้าน

“หลังจากที่ออกจากบ้านคุณปู่ คุณย่าเล็กก็ย้ายมาอยู่ที่นี่ นี่คือข้อมูลเดียวที่ผมรู้”

“หา...คุณรู้มั้ยว่าอันที่จริงเราไม่ต้องมาไกลถึงที่นี่ มีคนนึงที่จะช่วยคุณได้”

กานนถามว่าใคร ม่านมัสลินตอบว่า ยายของตน กานนนึกได้จะรีบพาเธอกลับบ้านสวนแต่ม่านมัสลินบ่นว่าหิว กานนรีบขอโทษที่ไม่ได้ให้เธอทานอะไรเลยตั้งแต่เช้า
“ให้อภัยค่ะ นอกเขตกรุงเทพฯ จะถือว่าเราเป็นมิตรกันหนึ่งวัน อีกอย่างแถวนี้น่ะถิ่นฉันเดี๋ยวฉันพาคุณทานเอง ตรงโน้นมีร้านก๋วยเตี๋ยวโบราณรสเด็ด”ม่านมัสลินดูอารมณ์ดีขึ้น ชี้ชวนแนะนำสถานที่ต่างๆ ราวกับไกด์นำเที่ยว
พอทานเสร็จก็ถามเขาว่าว่ายน้ำเป็นไหม จะชวนนั่งเรือชมสวนอาจจะเจอบ้านย่าเขาก็ได้ ทั้งสองนั่งเรือชมวิวอย่างสนุกสนาน ถึงคราวขึ้นจากเรือ ม่านมัสลินยื่นมือให้กานนจับ แล้วถามว่าเขาไม่เคยนั่งเรือแบบนี้จริงหรือ กานนพยักหน้า ม่านมัสลินจึงบอกให้เขาขอบคุณตน
“ถ้าคุณปล่อยมือผมก่อน”กานนมองมือม่านมัสลินที่ยังกุมมือเขาอยู่
เธอรีบดึงมือออกแล้วค้อนขวับเดินหนี กานนก้าวตามยิ้มๆ ม่านมัสลินบอกว่า ทั้งวันไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย กานนว่าไม่เป็นไร เพราะวันนี้เขาได้ทำอะไรสนุกๆหลายอย่าง ม่านมัสลินบอกว่าแล้วจะถามยายให้ กานนให้บอกชื่อย่าเล็กของเขา ยายคงรู้จัก
“ถ้าฉันไม่ลืมซะก่อนนะ ที่จริงคุณน่าจะจดให้ฉันนะคะ”
“จดสิครับยิ่งจะทำให้คุณลืม เพราะไม่ยอมจำ ตอนอยู่ในเรือคุณยังถามหาคุณย่าจ๋อยๆกับคนเรือได้อยู่เลย”
“โอเคค่ะ โอเค จำก็จำ คุณย่าคุณชื่อ...อามู่ ไม่มีชื่อไทยบ้างเหรอคะ”
กานนบอกว่ามี เขาเล่าว่าปู่เคยบอกย่าเล็กเป็นคนไทย แต่ปู่ให้ใช้ชื่อจีนเลยไม่มีใครเรียกชื่อไทย ม่านมัสลินว่ารู้ไว้ทั้งสองชื่อจะดีกว่า กานนเห็นสายตาตั้งใจฟังของม่านมัสลินก็ขำว่าอยากรู้ขนาดนี้เชียว ม่านมัสลินงอนบ่นไม่ใช่เรื่องของตนแท้ๆ
“ก็แค่สงสัย คุณรู้ตัวมั้ยว่าคุณกระตือรือร้นยิ่งกว่าผมซะอีก”
“บอกไปคุณคงไม่เชื่อ ฉันเองก็กำลังสืบหาคุณตาของฉันอยู่”
กานนหัวเราะ“ผมต้องเชื่อมั้ยเนี่ย”
“นั่นยังไงล่ะ คิดอยู่แล้วว่าคุณต้องมองฉันเป็นตัวตลก เสียเวลาคุยด้วยจริงๆเลย”ม่านมัสลินงอนไปขึ้นรถ กานนวิ่งตามถามว่าไม่ได้ล้อเล่นจริงหรือ...
ooooooo
มธุรินมาทำงานที่ร้าน กุเทพเห็นเธอเศร้าๆจึงชวนคุย มธุรินปรับทุกข์ว่า ตนสงสัยมาตลอดว่าทำไมแม่ถึงสนใจม่านมัสลินนัก ที่แท้ก็เป็นลูกแฟนเก่านี่เอง กุเทพกลับสงสัยว่าทำไมม่านมัสลินถึงขับรถไปส่งเธอที่บ้านมากกว่า มธุรินสารภาพว่าตนเมา กุเทพตกใจ
“นี่ถ้าไม่ได้ยินจากปากคุณเดียร์ ผมจะไม่เชื่อเลยนะฮะ แต่เอ๊ะ แล้วมันไปจบตรงที่มัสขับรถไปส่งคุณได้ยังไงล่ะ”
“แย่ตรงที่เดียร์จำอะไรไม่ได้เลยน่ะสิคะ”
กุเทพอ่อนใจ มธุรินกุมมือเขาขอร้องอย่าบอกใคร แม้แต่กานน กุเทพรับปากอย่างสงสาร
หลังจากบัวบงกชอัดรายการเสร็จ ผู้ช่วยก็เข้ามาบอกว่า มีหนังสือมาขอสัมภาษณ์ เธอเหนื่อยใจมากอยากขอเลื่อนไปก่อน แต่ผู้ช่วยบอกว่าเธอได้รับรางวัลแม่แห่งปี พวกเขาจึงต้องรีบสัมภาษณ์ บัวบงกชสีหน้าบอกบุญไม่รับ เพราะรู้อยู่แก่ใจว่าตนไม่ใช่แม่ที่ดี...หลังเสร็จสัมภาษณ์เธอต้องมาร้องไห้อยู่ในรถที่ไม่อาจเปิดเผยได้ว่ามีลูกสาวอีกคนที่ตนไม่ได้เลี้ยงดูเอง
เจ็บใจทั้งเรื่องที่ม่านมัสลินไม่เล่นหนังของตน และบัวบงกชทำท่าว่าจะรักเธอมากกว่าลูกตัวเอง ทำให้เตชมาลงกับจิรดา เขาโวยวายที่เธอไม่บอกว่าเป็นเมียภาษิต จิรดาคิดว่าเขาหึงจึงเย้าว่าหวงตนถึงกับสืบประวัติกันเลยหรือ เตชเอาแก้วน้ำสาดใส่หน้าเธอ
“เธอรู้มั้ยว่ามันคือศัตรูหัวใจฉันมาตลอดชีวิต ฉันกับมันต้องไม่อยู่ร่วมโลกเดียวกัน”
“แล้วคิดว่าภาษิตเขาอยากอยู่ร่วมโลกกับคุณนักเหรอ เขาตายไปชาตินึงแล้ว” จิรดาตวาด
เตชชะงักเล็กน้อย แต่ก็ยังประกาศว่า ห้ามเธอกับลูกสาวมายุ่งกับเขาและครอบครัวอีก เตชตบโต๊ะปังก่อนจะเดินออกไป ปล่อยให้จิรดายืนอายคนในร้าน จนต้องรีบตามออกไป เธอรีบขึ้นรถนั่งข้างเตชที่เบาะหลังแล้วบอกคนขับรถ ออกรถได้ เตชสั่งให้จอดแล้วไล่เธอลงไป จิรดาหยิบมือถือออกมาเปิดให้ดูคลิป เธอกับเขานัวเนียกัน
“จำคลิปพวกนี้ได้มั้ยคะ ตอนที่ถ่ายดาก็คิดว่าจะเก็บไว้ดูคนเดียวแก้คิดถึงคุณ แต่ตอนนี้”
เตชระเบิดเสียงหัวเราะออกมา คิดจะแบล็กเมล์เขาหรือ ไม่มีประโยชน์เพราะบัวบงกชไม่เคยรู้สึกอะไรกับเขาเลย จิรดาจึงบอกว่า แต่มธุรินคงรู้สึก เท่านั้นเตชก็ตาวาวถามต้องการอะไร จิรดาตอบว่า ตัวเขา อะไรที่เป็นของบัวบงกช ตนชอบหมด จิรดาลงจากรถอย่างเป็นต่อ
ooooooo
เช้าวันใหม่ ม่านมัสลินตื่นมา รู้สึกปวดเมื่อยเท้าที่เดินกับกานนเมื่อวาน แล้วยิ้มออกเมื่อเห็นตั๊กแตนสานที่เขาซื้อมาให้พลันนึกได้ว่าวันนี้ต้องไปจ่ายดอกเบี้ยค่าบ้าน ทันใด คิมโทร.เข้ามาว่าอยากเจอเธอ แต่เธอบอกว่าวันนี้ไม่ว่างต้องไปจ่ายดอกเบี้ยบ้านและมีงานถ่ายแถวฝั่งธนฯ
ในมือคิมมีโฉนดที่ดินอยู่ เขารีบห้ามไม่ให้ม่านมัสลินไปจ่าย ให้รอเขาอยู่ที่บ้าน เขาจะไปรับ...ไม่ทันไร จิรดาโผล่พรวดเข้ามาท่าทางตื่นเต้น
“ต้องอย่างนี้สิยัยมัส ไหนโฉนดอยู่ไหน เอามาสิ” จิรดาแบมือขอ
ม่านมัสลินงงว่าโฉนดอะไร จิรดาโวยวาย “นี่แกคิดจะฮุบไว้เป็นสมบัติแกล่ะสิ เอาโฉนดบ้านมาให้ฉัน”
ม่านมัสลินรีบบอกคิมว่าแค่นี้ก่อนนะ แล้วหันมาบอกแม่ว่า “โฉนดบ้านจะอยู่กับมัสได้ยังไงคะ แม่พูดอะไร มัสงงไปหมดแล้ว”
จิรดาโวยว่าไม่ให้ก็ไม่เป็นไร ต่อให้ไปถ่ายโฉนดมาแล้ว บ้านก็ไม่เป็นของเธออยู่ดีเพราะวันนี้ตนเอาเงินเขามาอีก เธอต้องเอาโฉนดไปให้พวกมัน ม่านมัสลินมองแม่อย่างผิดหวัง
ม่านมัสลินไปที่บ่อน เพื่อบอกว่าโฉนดบ้านไม่มี นักเลงคุมบ่อนจะเล่นงานเธอ คิมตามมาช่วย คุยกับพวกที่บ่อนสักพัก แล้วออกมาโอบไหล่ม่านมัสลินพากลับ เธอปล่อยโฮออกมาอย่างอัดอั้น คิมโมโหตัวเองที่ไม่ได้บอกเธอว่าเขาไถ่ถอนโฉนดออกมา จึงพาเธอมาที่คอนโดฯของเขา
“มัสครับ ถ้าผมจะบอกเรื่องสำคัญกับคุณ คุณต้องตั้งสตินะ” คิมหยิบโฉนดยื่นให้
“นี่มันอะไรกัน ทำไมคุณเล่นกับความรู้สึกมัสแบบนี้” ม่านมัสลินร้องไห้โฮ
“อย่าโกรธผมเลย” คิมใจเสียโอบไหล่เธอปลอบ
“คุณรู้มั้ยว่าฉันต้องเจออะไรบ้าง”
“ผมขอโทษ ที่ผมทำไปเพราะอยากช่วยคุณจริงๆนะ”
“คุณมันบ้า บ้าที่สุดเลย...ขอบคุณนะคะ” ม่านมัสลินปาดน้ำตา
คิมถอนใจโล่งอก ม่านมัสลินจะเอาโฉนดกลับไปให้ที่บ่อน แต่คิมห้ามไว้และบอกว่าเรื่องที่บ่อนเขาจัดการเรียบร้อยแล้ว ให้เธอเก็บโฉนดไว้ให้ดี เพราะมันเป็นบ้านของเธอ
“มัสจะตอบแทนคุณยังไงดี”
“ไม่ต้องตอบแทนอะไรผมทั้งนั้น ผมช่วยคุณมาขนาดนี้แล้ว ผมจะไม่มีวันปล่อยให้บ้านคุณตกเป็นของคนอื่นหรอก...อ้าวร้องไห้อีกแล้ว”
ม่านมัสลินร้องไห้โฮออกมาด้วยความซึ้งในน้ำใจ คิมได้แต่ส่งทิชชูให้เธอซับน้ำตา
ooooooo
   
ระหว่างที่บัวบงกชอัดรายการ สัมภาษณ์คุณหญิงอยู่เรื่องการเป็นแม่ที่ดี พลันมองไปในหมู่คนดูในห้องส่ง เห็นจิรดานั่งยิ้มเหยียดๆอยู่ ถึงกับผงะ พอตั้งสติได้ก็ดำเนินงานจนจบ มองมาอีกที จิรดาหายไปแล้ว บัวบงกชจิตใจว้าวุ่น บอกลูกน้องขอกลับก่อน จะไปพักผ่อน
ขณะที่เดินมาที่รถ ลูกน้องถือของตามหลัง จิรดาเข้ามาเดินขนาบ แล้วบอกว่าอย่าหยุดเดินถ้าไม่อยากให้ลูกน้องได้ยินเรื่องที่ตนจะพูด บัวบงกชถามว่ามาที่นี่ต้องการอะไร
“ก็ไม่มีอะไร แค่มาดูว่าเธอนี่มันดูดีจริงๆนะมีหน้ามีตาในสังคม เป็นแม่ตัวอย่าง สักกี่คนนะที่จะรู้ว่าเบื้องหลังเธอมันฟอนเฟะแค่ไหน”
“พูดอย่างนี้ต้องการอะไร” บัวบงกชหยุดเดินหันมาถาม
จิรดายิ้มในหน้า ตอบว่าทุกอย่างที่เป็นของเธอ มันคงไม่มากไป ถ้าจะแลกกับชื่อเสียง...
ภายในห้องนั่งเล่นบ้านบัวบงกช มธุรินกลับมาด้วยท่าทีเหนื่อยๆ ทักทายแม่ที่นั่งหันหลังอยู่ แต่ต้องตกใจเมื่อกลายเป็นจิรดา มธุรินตกตะลึงไล่ให้เธอออกไป จิรดาทำเสียงจุ๊ๆ ทำอย่างนั้นไม่น่ารักเลย มธุรินส่งเสียงเรียกสาวใช้มาเอาตัวจิรดาออกไป บัวบงกชเข้ามาปราม
“คุณจิรดาเขามากับแม่น่ะจ้ะ” บัวบงกชโอบไหล่ลูกสาว
“หวังว่าต่อจากนี้ หนูเดียร์คงไม่เสียมารยาทไล่ฉันอีกนะจ๊ะ” จิรดายิ้มยั่ว
เตชกลับมากำลังยิ้มให้ลูกสาว พอเห็นจิรดาก็หุบยิ้ม ตั้งสติแล้วบอกให้เธอไปคุยกันที่ห้องรับแขก จิรดารีบบอกว่า วันนี้ไม่ได้มาหาเขา แต่มาทานข้าวกับบัวบงกช มธุรินไม่พอใจ
“นี่คุณพ่อ คุณแม่เป็นอะไรกันไปหมดคะ” ทุกคนเงียบ มีเพียงจิรดาที่ยิ้มระรื่นสะใจ...
เตชโกรธจัด ให้คนเอารถจิรดาไปจอดหน้าบ้านเธอ แล้วบีบแตรเรียกคนในบ้าน พอแป้นออกมาพบแต่รถไม่มีจิรดา...เตชพาจิรดามาที่โรงแรม ให้ลูกน้องซ้อมฐานมาวุ่นกับครอบครัวเขา และขู่ว่าจะโดนมากกว่านี้ถ้าไม่หยุด จิรดายังปากเก่งท้าขู่ผิดคนแล้ว คนอย่างตนไม่มีอะไรจะเสีย
“แน่ใจนะว่าไม่มีอะไรจะเสีย หึ...แล้วนังมัสลินล่ะ”
“อยากทำอะไรมันก็เอาสิ นังมัสลินมันไม่ใช่ลูกฉัน แล้วอยากรู้มั้ยว่ามันเป็นลูกใคร ฮ่ะๆ อยากรู้ก็ถามนังบัวบงกชเมียคุณดูสิ ฉันก็อยากจะรู้เหมือนกันว่ากับคุณ มันจะกล้าตอแหลเหมือนที่มันหลอกคนทั้งประเทศมั้ย สร้างภาพซะดูดี ที่แท้ก็ไข่ทิ้งเรี่ยราดให้ผัวฉันเลี้ยง”
“จิรดา...” เตชโกรธจัด
“อย่างคุณนี่ไม่น่าโง่ให้นังเมียหลอกย้อมแมวได้เลยนะ... ฉันน่ะแค่เจ็บหน้า แต่นังบัวบงกชมันจะต้องขายหน้าคนทั้งประเทศ ฮ่ะๆๆฉันจะแฉมันให้หมดว่ามันเคยแอบมีลูก แล้วก็ไม่ยอมรับลูกของตัวเอง”
“ไม่จริง ไม่จริง บัวบงกชไม่เคยท้องกับใคร เขามีฉันคนเดียว”
“คิดไปเองรึเปล่าคุณเตช...เอาสิ ถ้าคุณอยากเห็นบัวบงกชมันพังพินาศก็เอาเลย เอาสิ” จิรดาลอยหน้าท้าทาย เตชมือไม้สั่นผลักจิรดาล้มลงอย่างเจ็บใจ
จากนั้น เตชกลับมาบ้าน เก็บเสื้อผ้าจะออกไปอยู่คอนโดฯ บัวบงกชแปลกใจจึงถาม ตอนแรกเตชตอบเลี่ยงๆว่างานเยอะจะนอนคอนโดฯ แต่พอบัวบงกชบอกว่า อาทิตย์หน้าเป็นวันหยุดยาว เตชเก็บความขมขื่นไว้ไม่ไหวอีก จึงบอกเธอตรงๆว่า
“ต่อไปนี้ ผมจะไปอยู่คอนโดฯ ผมจะคืนอิสระให้คุณ...”
“หมายความว่ายังไง”
“เราเลิกกัน...คุณน่าจะดีใจนะ ตลอดเวลาผมไม่เคยได้ใจคุณอยู่แล้ว”
“มีเหตุผลอื่นอีกมั้ยคะ หรือว่าเป็นเพราะจิรดา”
เตชโกหกว่าใช่ เขาจะไปเริ่มต้นกับจิรดา บัวบงกชปากคอสั่น หันหน้าหนี น้ำตาพร่างพรูลงมา เตชเองก็น้ำตาไหล ต่างฝ่ายต่างไม่รู้ว่าอาลัยอาวรณ์กัน...
มธุรินกลัดกลุ้มออกมานั่งดื่มคนเดียวเผอิญมีชายญี่ปุ่นสองคนเข้ามาเกาะแกะ กุเทพมาถึงทำทีว่าเป็นแฟนมาด้วยกัน สองหนุ่มจึงชิ่งหนี มธุรินทำท่าจะร้องไห้ขอโทษที่รบกวน
“ผมยังไม่ได้ว่าอะไรเลย ดีแล้วล่ะที่ไม่รู้ว่าจะโทร.หาใคร แล้วคุณยังเลือกที่จะโทร.หาผมน่ะ แต่เอ๊ะเดี๋ยวนะแล้วอาปลิวล่ะ นี่อย่าบอกนะว่าคุณยังงอนอาผมอยู่เลยไม่รับโทรศัพท์เขาน่ะ”
มธุรินยิ้มชืดๆว่ากานนไม่ได้โทร.มาเลย กุเทพพยายามหาเรื่องคุยให้เธอสบายใจ แต่เธอกลับร้องไห้อัดอั้นเรื่องที่บ้าน กุเทพไม่รู้จะปลอบอย่างไร จึงโทร.เรียกกานน...
ทางบ้านจิรดากำลังวุ่นวายเพราะหาตัวจิรดาไม่เจอ ม่านมัสลินไม่กล้าโทร.บอกม่านมุกเกรงจะตกใจ จึงคิดจะไปแจ้งความ พลัน จิรดานั่งแท็กซี่กลับมา ใบหน้าบอบช้ำ ม่านมัสลินตกใจประคองแม่ลงนอน แล้วเอาผ้าชุบน้ำมาประคบ พยายามถามว่าใครทำ ไม่ทันไร เตชโทร.เข้ามา บอกว่า ถ้าไม่อยากให้แม่อยู่ในสภาพนี้อีก ให้เลิกยุ่งกับบัวบงกช ม่านมัสลินเจ็บใจ
กานนตามมาที่ร้านเหล้า กุเทพให้เข้าไปปรับความเข้าใจกับมธุริน แต่กานนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ตนต้องพูดความจริงไม่ให้มธุรินเข้าใจผิดแบบนี้ กานนขอโทษเธอ มธุรินเสียใจร้องไห้กลับไป กุเทพงงถามกานนเกิดอะไรขึ้น กานนโทษกุเทพ หาเรื่องให้เขาแท้ๆ...
วันต่อมา กุเทพตั้งใจจะไปคุยกับม่านมัสลิน เผอิญเธอมีงานแฟชั่นโชว์ที่หัวหินจึงแวะมาถามกุเทพที่ร้านเอง กุเทพจะพูดเรื่องกานนกับมธุริน ม่านมัสลินอัดอั้นจนร้องไห้ออกมา ทันใดมธุรินเข้ามาในร้าน ตกใจ ม่านมัสลินขอตัวกลับ มธุรินเอ่ยขอบคุณที่ช่วยเหลือวันก่อนคงไม่เอามาเป็นบุญคุณ ม่าน–มัสลินไม่พอใจ โต้ว่าตนไม่ต้องการขอบุญคุณจากลูกคนใจร้าย มธุรินตาวาว
“คำว่าใจร้ายสำหรับพวกเธอ มันยังน้อยไปกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับแม่ฉัน” ม่านมัสลินเสียงดัง
“ฉันไม่รู้หรอกนะว่าเธอพูดอะไรแต่เดาว่ามันคงพอดีกับเรื่องชั่วๆที่แม่เธอทำกับครอบครัวฉันนั่นแหละ” สิ้นเสียง มธุริน ม่านมัสลินตบฉาดเข้าให้
กุเทพตกตะลึง ตวาดม่านมัสลินที่มาทำร้ายมธุริน เขาโอบกอดมธุรินไว้ ไล่ม่านมัสลินกลับไปอย่างลืมตัว...
ooooooo

ไทยรัฐออนไลน์

  • โดย บทประพันธ์ วราภา จากบทละครโทรทัศน์ทางช่อง 7 โดย ฉายฉันท์
  • 9 กันยายน 2554, 08:20 น.

My Blog List